GRAMMY งบ Q1/67 กำไรดุดัน 13,553% รายได้โต 7.5% ทว่าถือหุ้น KISS มูลค่าบวกทะลัก

นางสาวจรรย์จิรา พนิตพล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า งบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด 31 มี.ค.2567 มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่เท่ากับ 225.69 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.275 บาท) เพิ่มจากไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 1.65 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.002 บาท) 

คำอธิบาย และวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ระบุว่า บริษัท มีรายได้รวมทั้งหมด จำนวน 1,507.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมดจำนวน 1,414.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากธุรกิจเพลงที่ยังคงมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน โดยรายได้จากธุรกิจเพลงเติบโตประมาณ 11.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งจากส่วนธุรกิจโชว์บิซและธุรกิจดิจิทัลมิวสิก

บริษัทมีกำไรขั้นต้น จำนวน 679.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48.0% เพิ่มขึ้น 9.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

บริษัท มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 225.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224.0 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นจากที่ได้กล่าวข้างต้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารลดลงเล็กน้อย 

นอกจากนี้บริษัทยังมีผลกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ทางการเงินอื่น จำนวน 81.5 ล้านบาท จากการลงทุนในหุ้น บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ (KISS) ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ทางการเงินอื่น จำนวน 92.9 ล้านบาท จากการลงทุน KISS 

อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมรายการพิเศษเกี่ยวกับการวัดมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ทางการเงินอื่นดังกล่าว ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทจะยังคงมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท เพิ่มขึ้น 49.6 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 52.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ