'เผ่าภูมิ' สั่งการบ้าน 'สศค.' คิดกระสุนการคลังนอกกรอบ ทันยุค ใกล้ชิดประชาชน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (15 พ.ค.) ถือเป็นการประชุมนัดแรกกับผู้บริหารและข้าราชการในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อมอบนโยบาย และกำหนดทิศทางการทำงานของ สศค. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานสำคัญในฐานะมันสมองของกระทรวงการคลัง (Think Tank) ในการกำหนดทิศทางนโยบายการคลัง โดยได้ลงรายละเอียดการทำงานในกองต่างๆ

โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายการคลังที่สอดคล้องกับนโยบายการเงิน ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำงานร่วมกันให้ได้อย่างละมุมละม่อม รวมทั้งเติมเต็มซึ่งกันและกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ 

 

"โดยให้หลักการกับสศค.ว่า จะต้องมีจุดยืนอยู่บนพื้นฐานหลักคิดของนโยบายการคลังให้มั่น ขณะที่นโยบายการเงินก็มีหลักคิดตามแนวทางของเขา โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกัน"

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติยังมีมุมมองในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจที่ต่างกันอยู่  ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันมากขึ้นเพื่อมองภาพและสภาวะเศรษฐกิจในทิศทางตรงกัน ซึ่งเชื่อว่าหากทั้งสองฝ่ายเห็นภาพเศรษฐกิจตรงกันแล้วก็จะเห็นนโยบายการเงินการคลังที่เหยียบคันเร่งและเหยียบเบรกพร้อมกันมากขึ้น

"สำหรับวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะมีการหารือกับผู้ว่าการแบงก์ชาติ คงต้องถามรายละเอียดจากท่าน ผมไม่ได้เข้าร่วม" 

นอกจากนี้ ยังได้ลงรายละเอียดนโยบายการทำงานของแต่ละกองที่สำคัญ ประกอบด้วย กองนโยบายที่ดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ในการดำเนินนโยบายเพื่ออุดช่องว่างทางการเงินที่เป็นข้อจำกัดของธนาคารพาณิชย์ เพื่อตอบสนองและเติมเต็มความต้องการของประชาชน 
ขณะที่เรื่องการออกใบอนุญาติธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ย้ำว่าไม่มีการจำกัดจำนวนราย แต่จะเป็นการพิจารณาตามความพร้อมและคุณสบมบัติของผู้ยื่นสมัคร

นายเผ่าภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในปัจจุบัน และยังอยู่ในช่วงทรวงตัว ดังนั้นนโยบายด้านภาษีควรให้ความสำคัญกับการขยายฐานการจัดเก็บภาษี ให้กลุ่มที่อยู่นอกระบบเข้ามาสู่ในระบบมากขึ้น และนโยบายที่ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มากกว่าการโฟกัสเรื่องการปรับอัตราภาษี

"เร็วๆ นี้ จะมีการเสนอมาตรการด้านสินเชื่อต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 เรื่อง ได้แก่ สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวเมืองรอง และนโยบาย Ignite Thailand เพื่อส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก"

นายเผ่าภูมิ กล่างถึงการประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2567 จะผงกหัวขึ้นจากที่ สศค.คาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ 2.4% เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจาก 3 แหล่งหลัก ประกอบด้วย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท งบประมาณรายจ่ายปี 2567 และปี 2568 

"สศค.จะต้องมีทัศนคติในการคิดนอกกรอบ เพราะหากคิดตามข้อจำกัดในกรอบจะทำให้ย่ำอยู่ที่เดิม ดังนั้นหากเจอกรอบอะไรที่เป็นอุปสรรคก็ให้แก้ไขภายในใต้กรอบของกฎหมาย รวมทั้งการปรับนโยบายการคลังให้ทันต่อยุคสมัย สำหรับการดำเนินนโยบายการคลังที่เคยทำในอดีตที่อาจล้าหลังและไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยต้องมีแนวคิดในการดำเนินนโยบายอยู่บนพื้นฐานของสมดุลด้านวิชาการและความเป็นอยู่จริงของประชาชน อย่ามองแบบอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่จะต้องลงไปสัมผัสและทำงานใกล้ชิดกับประชาชนด้วย" นายเผ่าภูมิ กล่าว

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...