บล.ทรีนีตี้ คาดหุ้นไทยครึ่งแรก ก.ย. ดีกว่าครึ่งหลัง มองแนวต้าน 1,600 จุด
วันที่ส่ง: 02/09/2023 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนก.ย.2566 ว่า ในช่วงแรกดัชนีหุ้นทั่วโลกจะยังแกว่งตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้รับความคาดหวังที่ Fed น่าจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ ก่อนที่อาจต้องใช้ความระมัดระวังหลังจากนั้น จาก Dot plots และโทนของ Fed ที่อาจออกมา Hawkish กว่าที่ตลาดคาดการณ์
ดังนั้น ประเมินครึ่งเดือนแรกมีแนวโน้มที่ดัชนีจะปรับตัวดีกว่าครึ่งเดือนหลัง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET จะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับจิตวิทยา 1,600 จุด โดยมีกรอบแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,500-1,520 จุด
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะทยอย Lock profit ในช่วงครึ่งเดือนแรกในกลุ่มหุ้นที่แนะนำ Selective มาก่อนหน้านี้ ซึ่งประเมินว่าจะยังเป็นช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกประคับประคองได้อยู่ ส่วนในช่วงครึ่งเดือนหลัง แนะเข้าสู่โหมด Wait & See เพื่อป้องกันความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุม FOMC
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนใหม่จริงๆ ณ เวลานี้ที่ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนเปราะบางแล้ว แนะนำโฟกัสไปยัง Sector ที่ราคาและ Valuation กองอยู่ในโซนล่าง โดยหากแบ่งออกเป็นประเภทจะได้แก่
1.กลุ่ม Domestic สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรไปตามปัจจัยนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่มากก็น้อย ได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) มองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ PLANB, VGI, BEC, ONEE
2.กลุ่มที่อิงกับปริมาณการค้าขายในระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะเห็นปัญหาการ Destocking ที่ลดลง และล่าสุดเริ่มเห็นการยืนทรงตัวได้ของตัวเลข PMI ภาคการผลิต นอกจากนั้น ยังเตรียมได้อานิสงส์หากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายลดราคาพลังงานจริง มองไปยังกลุ่ม Logistics ที่ Earnings อยู่ในช่วง High season อาทิ III, LEO, SJWD, WICE
สำหรับปัจจัยที่น่าสนใจอื่นนอกเหนือจากการประชุม Fed ในเดือนกันยายน นี้ได้แก่
1.ปัจจัยเฝ้าระวังเกี่ยวกับ แรงขายของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นปกติในเดือนกันยายนของทุกปี โดยอาจเป็นการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับการไถ่ถอนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ
2. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 14 ก.ย. โดยจะต้องติดตามคาดการณ์ GDP และเงินเฟ้อรอบใหม่ที่จะออกมาในครั้งนี้ด้วย
3.การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 21-22 ก.ย. โดยต้องติดตามดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการ Yield Curve Control หรือไม่
4.ความเป็นไปได้ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน
5. ความเป็นไปได้ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุฯ และรัสเซีย
6.การประชุมกนง.ของไทยในวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งมีลุ้นว่า กนง.อาจจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยของวงจรนี้ไว้เพียงแค่นี้ แต่หาก กนง.ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปสู่ระดับ 2.50% ประเมินจะเป็นปัจจัยลบต่อภาคเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยที่สำคัญ
7. พัฒนาการของรัฐบาลไทยชุดใหม่ โดยเฉพาะแนวนโยบายเศรษฐกิจ และแผนการอนุมัติงบประมาณในช่วงถัดไป
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...
ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน
จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...
ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย
นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...
สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...
ยอดวิว