“พิชิต” แจง ยาบ้า 5 เม็ดไม่เป็นผู้เสพทุกราย หากพิสูจน์ได้ว่าค้า โทษหนักขึ้น

“พิชิต” ที่ปรึกษานายกฯ ชี้แจงข้อกฎหมาย อย่าเข้าใจว่ามียาบ้า 5 เม็ดแล้วจะถือว่าเป็นผู้เสพทั้งหมด เป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด หากเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานหักล้างได้ว่ามีไว้เพื่อการค้า ผู้ต้องหาต้องเจอโทษหนักขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงเรื่องข้อกฎหมายกรณีการมียาบ้า 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพหรือผู้ค้า ว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 เป็นกฎหมายให้สิทธิและคุ้มครองสิทธิผู้กระทำความผิดโดยคัดกรองผู้กระทำผิดว่าเป็น ผู้ค้ารายใหญ่ ผู้ค้ารายย่อย หรือผู้ติดยาเสพติด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องพิสูจน์การกระทำผิดต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อัยการก็ต้องใช้ดุลพินิจในการเลือกฟ้องคดีให้ถูกต้องสมเหตุสมผลกับพฤติการณ์ และศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดีตามพยานและหลักฐาน ในภาพรวมคือทำให้ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นในการพิจารณาการกระทำความผิดของผู้ต้องหา

นายพิชิต ระบุต่อไปว่า ประเด็นมียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวนไม่เกิน 5 เม็ด เพื่อเสพ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 และประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 107 ห้ามผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อเสพ การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ในปริมาณเล็กน้อยซึ่งไม่เกินปริมาณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดในกฎกระทรวง (ไม่เกิน 5 เม็ด) ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ มาตรา 164 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อเสพ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 107 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

...

ทั้งนี้ ตามมาตรา 107 วรรคสอง เป็นการ “ครอบครองเพื่อเสพโดยบทสันนิษฐานของกฎหมาย” (การครอบครองยาเสพติดไม่เกินจำนวน 5 เม็ด ที่กำหนดในกฎกระทรวงสาธารณสุข) เป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด อย่าเข้าใจว่ามียาบ้า 5 เม็ดแล้วจะถือว่าเป็นผู้เสพเสียทุกรายนั้นไม่ถูกต้อง กฎหมายมีผลเพียงเป็นการผลักภาระการพิสูจน์ไปให้เจ้าหน้าที่ที่จะต้องนำพยานหลักฐานสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนั้น

“อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมผู้ต้องหาที่มียาบ้าไว้ในครอบครองไม่เกิน 5 เม็ด ผู้ต้องหาได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานว่า มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยบทสันนิษฐานของกฎหมาย แต่เมื่อข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด หากเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานหักล้างได้ว่าผู้ต้องหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ผู้ต้องหาย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐาน แต่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ค้า ซึ่งต้องรับโทษหนักขึ้น ไม่ใช่ผู้เสพ”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...