'สี จิ้นผิง' เยือนเวียดนามสัปดาห์หน้า ฟื้นสัมพันธ์สองชาติในรอบ 6 ปี

บลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า เจ้าหน้าที่ทางการจีน และเวียดนามกำลังเร่งเตรียมความพร้อมรับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่จะเดินทางเยือนเวียดนามในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการเดินทางเยือนครั้งแรกในรอบ 6 ปี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นขึ้น

แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีสี จะเดินทางเยือนกรุงฮานอยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 12 - 13 ธ.ค.66 นี้ ซึ่งจะเร็วขึ้นกว่าเดิมจากที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะเดินทางวันที่ 14 - 16 ธ.ค.66 

"หวัง อี้" รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้เดินทางไปก่อนเมื่อวันที่ 1 - 2 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับสูงเพื่อความร่วมมือทวิภาคี จีน - เวียดนาม ที่กรุงฮานอย ในการหารือเตรียมประเด็น และความพร้อมต่างๆ เพื่อให้การเยือนของสีเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด โดยมีขึ้นหลังจากที่ "หวัง เหวินเทา" รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีนเพิ่งเดินทางเยือนเวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อเจรจาประเด็นเศรษฐกิจการค้า และมีการประกาศเปิดตลาดให้สินค้าเกษตรจากเวียดนามมากขึ้น

ทั้งนี้ ผู้นำปักกิ่งเคยเดินทางเยือนเวียดนามครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 โดยเป็นการเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เมืองดานัง และนอกจากนี้จะเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 6 ปีแล้ว เวียดนามก็ยังเป็นเพียงประเทศที่ 4 ที่สีเดินทางไปเยือนด้วยตนเองในปีนี้ นอกเหนือจากสหรัฐ รัสเซีย และแอฟริกาใต้

สื่อต่างประเทศต่างจับตาสัญญาณของทริปนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความพยายามรักษาสมดุลของเวียดนาม หลังจากที่เพิ่งเปิดบ้านต้อนรับการเดินทางเยือนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐไปเมื่อ 3 เดือนก่อน โดยในครั้งนั้นมีการประกาศยกระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน” ซึ่งเป็นความร่วมมือในระดับเดียวกับที่สหรัฐมีต่อจีน และอินเดีย และสหรัฐยังประกาศจะช่วยเวียดนามพัฒนาอุตสาหกรรมชิปคอมพิวเตอร์อีกด้วย

วีโอเอนิวส์เคยรายงานถึงเรื่องนี้โดยอ้างนักวิชาการหลายฝ่ายว่า การเดินทางเยือนของสีจะเป็นบททดสอบนโยบาย “ไผ่ลู่ลม” ของเวียดนาม ที่เปิดบ้านต้อนรับผู้นำ 2 ประเทศมหาอำนาจในเวลาไล่เลี่ยกันไม่ถึง 3 เดือน

ปักกิ่งนั้นไม่สบายใจที่เห็นเวียดนามยกระดับความสัมพันธ์ และใกล้ชิดกับสหรัฐมากขึ้น โดยมองเห็นความจำเป็น และพยายามรักษาสมดุลอิทธิพลกับเวียดนามเอาไว้ รวมถึงพยายามยืนยันสถานะ และอิทธิพลของตนอีกครั้งภายหลังการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับฮานอย

แหล่งข่าวระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่สีอาจเสนอการยกระดับความสัมพันธ์กับเวียดนามไปสู่ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน” (Community of Common Destiny) ซึ่งเป็นแนวคิดที่สีเคยเสนอเมื่อปลายปี 2012 และหากเวียดนามตอบรับก็จะถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศขึ้นไปอีกขั้น

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ทำดีได้ดี…Sustainability Linked Loan นวัตกรรมทางการเงินเพื่อความยั่งยืน

สถาบันการเงินเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในฐานะที่เป็นแหล่งเงินทุนหลักของระบ...

อสังหาฯระเบิดสงครามราคาโค้งสุดท้าย เร่งกู้ยอด! หลังไตรมาส 3 ดิ่งยกแผง

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไตรมาสสุดท้ายนี้ นับเป็นช่...

SET พุ่งไม่หยุด! สวนทาง EPS และความผันผวนที่มิอาจเลี่ยง

SET Index ในเดือนตุลาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 3% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยในช่วงแรกดัชนีได้...

‘ภาษีท่องเที่ยว’ ชื่อใหม่ ‘ค่าเหยียบแผ่นดิน’ มาแน่ คาดเริ่มจัดเก็บกลางปี 68

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ มีการเรียกคำว่า ...