“ศรีสุวรรณ” บุกแพทยสภา ร้องสอบจริยธรรมหมอ รพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์ ช่วย “ทักษิณ” ให้ได้อยู่ต่อหรือไม่ ขู่ หากไม่ดำเนินการ จ่อร้องศาลปกครอง ด้านผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภาด้านกฎหมาย รับเรื่อง เตรียมนำเรื่องเข้าคณะกรรมการแพทยสภา
วันที่ 24 ตุลาคม 2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายังสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา เพื่อยื่นหนังสือให้แพทยสภาตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ ทั้งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ในการรักษาอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมี ผศ.นพ.ต่อพล วัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภาด้านกฎหมาย รับเรื่อง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตนได้นำหลักฐานมายื่นต่อแพทยสภา สืบเนื่องจากกรณีที่ นายทักษิณ นักโทษเด็ดขาด 3 คดี ได้เข้ามอบตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทันจะจำคุกตามคำพิพากศาล ก็มีกระบวนการที่จะเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือให้ นายทักษิณ ไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ ด้วยการวินิจฉัยของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่อ้างเครื่องมือไม่เพียงพอ จึงส่งต่อไปที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงอยากให้แพทยสภาตรวจสอบว่าการวินิจฉัยของแพทย์ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่าเป็นไปตามหลักวิชาชีพเวชกรรมหรือไม่
รวมถึงความน่าเชื่อถือของเอกสารรับรองการตรวจสุขภาพของ นายทักษิณ ที่มาจากต่างประเทศเป็นของจริง หรือตบตาหรือไม่ เพราะจู่ๆ เข้าเรือนจำ ดูเอกสารแล้วก็อนุมัติเข้าโรงพยาบาล เป็นเรื่องที่ผิดปกติ และหลังจากเข้าโรงพยาบาลตำรวจก็พบพิรุธหลายอย่าง เมื่อครบ 30 วัน ก็ออกมาอ้างว่ามีการผ่าตัด แต่ไม่บอกสังคมว่าผ่าตัดอะไร อ้างว่าเป็นการรักษาข้อมูลผู้ป่วยตาม พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 แต่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2566 หลังจากมีภาคประชาชนบุกถึงโรงพยาบาลตำรวจ กลับออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณ มีการผ่าตัดเกี่ยวกับกระดูก แสดงถึงข้อพิรุธ
...
อีกทั้งก่อนหน้าที่รักษาจะครบ 60 วัน ต้องแจ้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และปลัดกระทรวงยุติธรรม ทราบ ก็มีการโชว์เพียงภาพเดียวผ่านสื่อ โดยในภาพมีแพทย์และพยาบาลร่วมในเฟรม จึงถือเป็นผู้มีส่วนร่วมและสนับสนุน เพราะเราไม่เคยเชื่อว่า นายทักษิณ จะป่วยจริง เพราะเมื่อตอน นายทักษิณ อยู่ต่างประเทศ ก็มีการว่ายน้ำ เล่นฟิตเนส โชว์ความแข็งแรงของร่างกาย รวมทั้งลูกสาวก็ออกมาระบุผ่านสื่อว่าสุขภาพของนายทักษิณแข็งแรงมาโดยตลอด แต่เมื่อเหยียบเท้าก้าวเข้าสู่ราชทัณฑ์กลับกลายเป็นตาแก่อมโรค ป่วยโรครุมเร้า สิ่งเหล่านี้สังคมไทยไม่เชื่อถือเลย ดังนั้น แพทย์กลุ่มดังกล่าวจะต้องได้รับการตรวจสอบจากแพทยสภา เพื่อตรวจสอบจริยธรรมวิชาชีพตามกฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปจนถึงโรงพยาบาลตำรวจ ว่าเป็นการเกี้ยเซียะ เอื้อประโยชน์ให้นักโทษชายเด็ดขาดที่ชื่อทักษิณหรือไม่ หากพบว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายร่วมมือกันก็ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ที่มีขั้นตอนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าหากแพทยสภาไม่ดำเนินการจะทำอย่างไร นายศรีสุวรรณ ระบุ ตนคิดว่าแพทยสภาคงไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องถูกตนฟ้อง เพราะตนถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียมายื่นประเด็นพิพาทกับแพทยสภา หากหน่วยงานรัฐไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ร้องมีสิทธิยื่นร้องต่อศาลปกครองได้
ทางด้าน ผศ.นพ.ต่อพล เผยว่า หลังรับหนังสือต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาถึงรายละเอียดข้อร้องเรียน จากนั้นจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งกระบวนการเป็นไปตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ส่วนจะตั้งคณะอนุกรรมการมาพิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ด ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบอะไรมากกว่านี้ และยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาของขั้นตอนดำเนินการ รวมไปถึงจะต้องเชิญแพทย์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกรรมการและหลักฐานทั้งหมด
สำหรับบทลงโทษหากพบการกระทำผิดจริง มีตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต ไปจนถึงเพิกถอนใบอนุญาตวิชาชีพ โดยเมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของสังคมทางแพทยสภา มีความกดดันหรือไม่ ผศ.นพ.ต่อพล ตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กังวลอะไร เพราะมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว.
