‘เงินบาท’ พลิกกลับมาแข็งค่าสุด ในรอบ 2 สัปดาห์ ก่อนรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ที่ 36.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 36.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ก่อนการรายงานตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ ขณะที่ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดที่ออกมาในสัปดาห์นี้ กระตุ้นให้ตลาดกลับมาประเมินโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อาจจบรอบการปรับขึ้นไปแล้ว นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกด้วยเช่นกัน สำหรับทิศทางทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นไทย 1,759.75 ล้านบาท แต่ยังคงมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องอีก 1,869 ล้านบาท 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า คาดไว้ที่ 35.70-36.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินเอเชีย สถานการณ์ในอิสราเอล และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนต.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของยูโรโซน การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ เดือนก.ย. ของจีน ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุน RMF และกองทุนประเภทเทอมฟันด์มากกว่า ซึ่งมองว่า เศรษฐกิจผันผวนมีความไม่แน่นอนนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง และต้องการนำเงินมาพักกองทุนเทอมฟันด์จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาลง

"ส่วนที่เหลือของปีนี้กองทุนประหยัดภาษีจะออกกองทุน RMF บีพรีเมียมอาร์เอ็มเอฟ และกองทุนเทอมฟันด์ ในไตรมาส 4 ที่เหลือของปี เพราะช่วงปลายปีสิ่งที่นักลงทุนจะหาเข้ามาลงทุนคือ กองทุนที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ และกองทุนเทอมฟันด์เป็นตัวโรลโอเวอร์ที่ครบกำหนด และเมื่อนำมาโรลโอเวอร์ใหม่นักลงทุนมักจะชอบ เพราะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เพราะเป็นวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น"

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...