“พิพัฒน์” ห่วง 11 แรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน ยังไม่ยืนยันแรงงานเสียชีวิต 2 ราย ไม่มีคนไทยประสงค์เดินทางกลับ ขอรอสถานทูตไทยและอิสราเอลรายงานกลับมาก่อน เบื้องต้นเร่งเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้ถูกจับเป็นตัวประกันแล้ว
วันที่ 8 ตุลาคม 2566 ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ณ กรุงเทลอาวีฟ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยจากเหตุการณ์สู้รบในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นขณะนี้
โดย นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแรงงานไทย โดยรายงานล่าสุด มีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 8 ราย โดยล่าสุดได้รับการรักษาและกลับมาพักฟื้นที่แคมป์แรงงานไทยแล้ว ขณะผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังคงมี 11 ราย ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีการสู้รบตอบโต้กัน แต่ตนเองอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอยู่ใกล้กับฉนวนกาซา ประมาณ 5,000 คน ช่วงเช้าในวันนี้ (8 ก.ย. 66) อิสราเอลได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่นิคมอุตสาหกรรมคิบบุตซ์มาได้บางส่วน และสถานการณ์การจับตัวประกันขณะนี้ยุติลงแล้ว โดยกำลังรอการยืนยันว่า คนไทยได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้วกี่คน ทั้งนี้ เหตุการณ์การสู้รบตั้งแต่วันที่ 7-8 ต.ค. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1,590 ราย บาดเจ็บสาหัส 312 ราย มีผู้เสียชีวิต 250 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 160 ราย
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ถ้าหากมีสถานการณ์คืบหน้า ขอให้ทางทูตแรงงานไทย ขอให้รีบประสานมาที่กระทรวงแรงงานมาโดยด่วน รวมถึงการขอความช่วยเหลือด้วย หากจะมีการขอเคลื่อนย้ายแรงงาน ขอให้ประสานสถานทูตไทยประจำกรุงอิสราเอล โดยขอให้ทางรัฐบาลไทยโดยกองทัพอากาศไปรับแรงงานไทย พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือดูแลแรงงานไทยที่เหลือ
...
ทั้งนี้ ระหว่างที่ทูตแรงงานไทยประจำอิสราเอลรายงานสถานการณ์อยู่นั้น ก็มีสัญญาณแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือว่ามีการยิงกัน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มีการสอบถามด้วยความห่วงใยว่า เจ้าหน้าที่อยู่จุดไหน ซึ่งได้มีการแจ้งว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
นายพิพัฒน์ ได้แถลงผลยืนยันว่า ข้อมูลของกระทรวงแรงงานยังไม่มีรายงานแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย ตามที่เป็นข่าว โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรอสถานทูตไทยประจำอิสราเอลรายงานความชัดเจน ส่วนข้อมูลที่ปรากฏตามโซเชียลอาจจะมีความคลาดเคลื่อน ดังนั้นหากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน กระทรวงแรงงานจะไม่รายงานอย่างเด็ดขาด ส่วนที่นายกรัฐมนตรีออกมาเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 2 รายนั้น นายกรัฐมนตรีอาจจะมีข้อมูลที่รอบด้านกว่า ขณะที่แรงงานไทย 11 รายที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้น ขณะนี้ได้ทราบรายชื่อและทางกระทรวงแรงงานได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยกับครอบครัวทั้ง 11 รายแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยรายชื่อ เนื่องจากจะกระทบกับความรู้สึก ทำให้เสียขวัญและกำลังใจ ซึ่งกระทรวงแรงงานมีความห่วงใยแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ส่วนที่มีการช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้นั้น ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นคนไทยด้วยหรือไม่ เนื่องจากอาจจะมีแรงงานชาติอื่นที่หน้าตาลักษณะใกล้เคียงกับคนไทย
นายพิพัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่เหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ฉนวนกาซามีประมาณ 5,000 คน ส่วนอีก 25,000 อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและกระจายอยู่ในภาคอื่น ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เครื่องบินของกองทัพอากาศมีการเตรียมพร้อมที่จะรับคนไทยอพยพกลับประเทศทันทีที่น่านฟ้าเปิด และได้รับการประสานงานมา แต่ล่าสุดเท่าที่มีการประสานกับบริษัทจัดหางานทั้ง 12 แห่ง แจ้งว่ายังไม่มีคนไทยประสงค์ที่จะกลับประเทศ โดยประสงค์ที่จะทำงานที่อิสราเอลต่อ และหากแรงงานไทยที่อพยพกลับมาและประสงค์จะกลับไปทำงานที่อิสราเอล กระทรวงแรงงานก็พร้อมที่จะประสานให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ให้กลับไปทำงานในตำแหน่งเดิม
โดยกระทรวงแรงงานได้กำชับให้บริษัทจัดหางานได้ดูแลคนไทยให้เกิดความปลอดภัย หากต้องการได้รับความช่วยเหลือ ก็ขอให้ประสานมายังสถานทูตและกระทรวงแรงงานให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตนได้มีการสั่งการไปยังจังหวัดต่างๆ ให้สำรวจตัวเลขแรงงานที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งจะมีบันทึกตัวเลขเฉพาะแรงงานที่ไปอย่างถูกกฎหมาย ส่วนแรงงานที่ไปอย่างไม่ถูกกฎหมายนั้น ก็ได้มีการประสานไปยังบริษัทจัดหางานทั้งหมด เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน และจะได้ดูแลคนไทยให้เกิดความปลอดภัย
ส่วนการเยียวยานั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 8 คน ได้มีการไปเยี่ยมให้กำลังใจเรียบร้อยแล้ว และจะต้องมีการตรวจสอบว่าเดินทางถูกกฎหมาย ก็จะได้รับสิทธิตามสิทธิผู้ประกันตน
ทั้งนี้ กรมจัดหางานและปลัดกระทรวงแรงงานจะลงไปดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนแรงงาน 11 คนที่จับไปเป็นตัวประกันนั้น ทางแรงงานจังหวัดได้ลงไปพบครอบครัวและให้กำลังใจ โดยในเบื้องต้นจะเป็นการเยียวยาจิตใจ ส่วนการเยียวยาอื่นๆ จะต้องรอให้ทางการอิสราเอลยืนยันกลับมาก่อน โดยขณะนี้ทุกคนในกระทรวงแรงงานยังไม่สามารถยืนยันข้อมูล ต้องรอให้ทางการอิสราเอลรายงานข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นทางการกลับมาก่อน.
