เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานนายกฯ คนไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 2 เผย ทางการยังยึดคืนพื้นที่ไม่ได้ “ปานปรีย์” เผย มีผู้บาดเจ็บ 8 คน รอกองทัพช่วย 3 คน ถูกจับไป 11 คน เรียกร้องยุติความรุนแรง ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์
เมื่อเวลา 11.57 น. วันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล ว่า รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศไม่นิ่งนอนใจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และติดตามอย่างใกล้ชิด โดยสั่งการสถานทูตที่เทลอาวีฟ รายงานสถานการณ์ต่อเนื่อง และติดต่อประสานงานกับทางการอิสราเอล รวมถึงพี่น้องแรงงานไทยทุกคน
ขณะที่สถานทูตและฝ่ายแรงงานประจำสถานทูตประสานงานกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน รอการช่วยเหลือจากกองทัพ 3 คน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล Soroka แล้ว 5 คน เสียชีวิต 1 ราย ถูกจับไป 11 คน ซึ่งทางสถานทูตพยายามติดต่อกับทางอิสราเอลเพื่อยืนยันข้อมูล แต่อิสราเอลยังเข้าพื้นที่ไม่ได้ จึงยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขหรือข้อมูลอย่างเป็นทางการได้
นายปานปรีย์ ยังได้ขอความกรุณา เพราะยังไม่ประสงค์ที่จะเผยแพร่ชื่อของแรงงานที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้องติดตามญาติของแรงงานก่อน ไม่อยากให้ทราบข่าวจากสื่อเป็นที่แรก และอาจจะสร้างความตระหนกตกใจ จึงขอความอนุเคราะห์ในส่วนนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กองทัพอากาศเตรียมความพร้อมเครื่องบิน เพื่อเตรียมอพยพลำเลียงพี่น้องคนไทยจากอิสราเอล เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวยโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางอากาศยานที่อิสราเอลยังไม่เปิด เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ต้องลงหลุมหลบภัยเป็นระยะๆ ตามแนวทางที่ได้รับการอบรม
...
เรียกร้องยุติความรุนแรง ปล่อยตัวพลเรือนผู้บริสุทธิ์ทันที
โดยในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน จะมีการประชุมกันที่กรมการกงสุล ระหว่างทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายทหาร กองทัพอากาศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน รวมทั้งแพทย์ เพื่อประสานเตรียมการในภารกิจได้อย่างราบรื่นเรียบร้อย
“ขอให้วางใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และจะดำเนินการทุกอย่าง อย่างเต็มที่ในการที่จะดูแลช่วยเหลือพี่น้องชาวไทย ได้มีการติดต่อท่านทูตอิสราเอลที่ไทยในเรื่องนี้ด้วย รวมทั้งทูตไทยในอิสราเอลก็ได้ประสานงานกับอิสราเอล และทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไทยไม่เห็นด้วย ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ผม และท่านรัฐมนตรีช่วย ได้แสดงท่าทีในเรื่องนี้ไปแล้ว รัฐบาลขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติความรุนแรง ปล่อยตัวพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในทันที”
อิสราเอลกำลังยึดคืนพื้นที่ แต่ยังไม่ใช่ส่วนที่มีแรงงานไทย
พร้อมกันนี้ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เล่าเหตุการณ์ในอิสราเอล ว่า ตอนนี้สถานการณ์ยังมีการสู้รบในพื้นที่ โดยเฉพาะริมฉนวนกาซา ซึ่งทางการอิสราเอลกำลังยึดคืนได้เพียง 2 ส่วน แต่ยังไม่ใช่ส่วนที่มีแรงงานไทย และคนที่ถูกจับไปนั้นมีหลายเชื้อเชาติ ไม่ใช่เพียงแรงงานไทย โดยจะติดตามสถานการณ์ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ย้ำว่า แรงงานไทยไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่กลุ่มฮามาสจะทำร้าย แต่เป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ จึงถูกจับเป็นตัวประกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีเพียงแรงงานไทยที่ถูกจับ ซึ่งตอนนี้พยายามติดต่อฝ่ายแรงงาน แต่ติดต่อได้เฉพาะที่บาดเจ็บบางคน ส่วนคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังติดต่อไม่ได้ ต้องรอทางการอิสราเอลเข้าพื้นที่ให้ได้ก่อน ตอนนี้เราติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด แต่ยังไม่มีใครยืนยันข้อมูลที่แน่ชัดได้
รอน่านฟ้าเปิดพร้อมไปอพยพ ย้ำ ประณามความรุนแรง
จากนั้น นายปานปรีย์ กล่าวต่อไปว่า ที่รัฐบาลไทยเป็นห่วงและเป็นกังวลสูงสุดคือความปลอดภัยของคนไทย เราจะต้องดูแลเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ถูกจับตัวไป จะต้องหาช่องทางเต็มที่ให้เขาปล่อยตัวออกมาให้ได้ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศค่อนข้างมีความพร้อม กองทัพอากาศเองก็มีการประสานกันตั้งแต่ทราบเหตุการณ์ ซึ่งให้ความร่วมมือเต็มที่ ตอนนี้ต้องรอสัญญาณและคำสั่งที่จะบินออกไปรับคนไทยกลับมาเมื่อมีความพร้อม เพราะขณะนี้น่านฟ้ายังปิดอยู่ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ต้องให้มีความชัดเจน โดยยังไม่ทราบข้อเท็จจริงทางการเมืองระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ประณามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการประณามความรุนแรง
นายกฯ รับทราบรายงาน คนไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในเวลา 12.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นเขตปกครองพิเศษฮ่องกง นายเศรษฐา ได้รับทราบรายงานจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 2 ราย จากเหตุการณ์กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ให้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเป็นศูนย์ประสานในการให้ความช่วยเหลือคนไทยตลอด 24 ชั่วโมง.