“พริษฐ์” เปิดแผน ก้าวไกล ยกระดับงานสภา พร้อมเป็นรัฐบาล เลือกตั้งครั้งหน้า

“พริษฐ์” เปิดแผนงาน สส.ก้าวไกล ยกระดับงานสภา ทลายมายาคติเชิงลบต่อการเมือง ลั่น ขอ 4 ปีจากนี้พิสูจน์ เป็นฝ่ายค้านก็เปลี่ยนประเทศได้ เพื่อฟื้นศรัทธาประชาชนต่อระบบรัฐสภา เตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งครั้งหน้า

วันที่ 24 ก.ย. 2566 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยภายในงานพบปะสมาชิกของพรรคก้าวไกล “ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ดินแดง โดยกล่าวถึงแผนการทำงาน และบทบาทของ สส.พรรคก้าวไกล ต่อจากนี้

นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล มีสมาชิกที่เป็นเจ้าของพรรคมากกว่า 7 หมื่นคน ด้วยความฝัน และความเชื่อเดียวกันว่าประเทศไทยดีกว่านี้ได้ ประชาธิปไตยไทยเข้มแข็งกว่านี้ได้ เศรษฐกิจไทยไปไกลกว่านี้ได้ และสังคมไทยน่าอยู่กว่านี้ได้ และทั้งหมดนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทุกคนมาร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านยานพาหนะที่ชื่อว่าพรรคก้าวไกล

หากจะสรุปเรื่องราวของพรรคก้าวไกลตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ใน 1 ประโยค มันคือเรื่องของการ “Beating the Odds” หรือการทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะทำได้ ตอนพรรคอนาคตใหม่โดนยุบ หลายคนไม่คิดว่าพรรคก้าวไกลจะลุกขึ้นมาได้เร็ว แต่วันนี้พรรคก้าวไกลมีสมาชิกพรรคมากกว่าสมัยอนาคตใหม่แล้ว เมื่อพรรคก้าวไกลยืนยันทำการเมืองแบบใหม่ ไม่อิงกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หลายคนวิเคราะห์ว่าเราไม่สามารถชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตได้ แต่วันนี้พรรคก้าวไกลมี สส.แบบแบ่งเขตจาก 28 จังหวัดในทุกภาคทั่วประเทศ ในคืนวันก่อนเลือกตั้ง หลายคนไม่เชื่อว่าเราจะมี สส.เกิน 100 คน แต่วันนี้พรรคก้าวไกลก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศได้

...

นายพริษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ตนเข้าใจว่าวันนี้หลายคนรู้สึกผิดหวังที่เราไม่สามารถเข้าไปขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในฐานะรัฐบาลได้ แต่ตนเชื่อว่า 4 ปีข้างหน้านี้เราจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้ว่าฝ่ายค้านก็เปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ วันนี้ตนจึงอยากมาเล่าให้ฟังว่าพรรคก้าวไกลตั้งใจจะใช้กลไกสภาอย่างไรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ผ่านการพูดถึง 5 มายาคติทางการเมืองที่เราต้องการเข้าไปทลาย ประกอบด้วย

1) มายาคติ “ฝ่ายค้านจะเสนอกฎหมายไปทำไม เพราะอย่างไรก็ไม่มีวันผ่าน” หลายคนคงได้เห็นแล้วถึงความพยายามของพรรคก้าวไกลในการผลักดัน “ชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ” ผ่านกลไกนิติบัญญัติ โดยตั้งแต่สภาชุดนี้เปิดมาเป็นเวลา 3 เดือน พรรคก้าวไกลได้เตรียมร่างกฎหมายไว้ 50 กว่าร่าง ได้ยื่นเข้ากระบวนการสภาไปแล้ว 27 ร่าง ซึ่งอยู่ในช่วงของกระบวนการรับฟังความเห็น 14 ร่าง

แต่หลายคนก็ตั้งคำถามว่าในเมื่อพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน มีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา แล้วจะเสนอกฎหมายเหล่านี้ไปทำไม แต่ตนยืนยันว่าเป้าหมายการเสนอกฎหมายของพรรคก้าวไกล คือการสร้างการเปลี่ยนแปลงใน 2 สมรภูมิรบสำคัญ

สมรภูมิแรกคือสมรภูมิในสภา โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนกฎหมาย แม้พรรคก้าวไกลจะเป็นเสียงข้างน้อยในสภา แต่คณิตศาสตร์พื้นฐานก็บอกเราว่า หาก สส.รัฐบาล 100 คนขึ้นไปเห็นชอบกับกฎหมายฉบับใดที่สอดคล้องกับนโยบายและจุดยืนของเขา กฎหมายฉบับนั้นก็ผ่านสภาได้ และหากย้อนไปในวันที่พรรคก้าวไกลมี สส.เพียง 50 กว่าคน หลายกฎหมายก็ยังเกือบผ่านสภาได้ เมื่อวันนี้เรามี สส.เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า แล้วทำไมเราจะไม่กล้าพยายามผลักดันกฎหมายให้ผ่านให้ได้

แต่สมรภูมิรบที่สองที่สำคัญเช่นกันก็คือ สมรภูมินอกสภา ที่มีเป้าหมายในการเปลี่ยนความคิดผู้คน แม้จะแพ้โหวตในสภา แต่การได้ใช้สภาเป็นเวทีในการนำเสนอหลักการและเหตุผลของเรา จะเป็นวิธีที่ทรงพลังในการเพิ่มผู้คนที่หันมาเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวมากขึ้น จนทำให้หลายวาระที่อาจดูเป็นไปได้ยาก กลายมาเป็นวาระที่ทุกฝ่ายทางการเมืองปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นไม่ว่าเราจะสำเร็จในการเปลี่ยนตัวบทกฎหมายหรือไม่ แต่การหว่านเมล็ดพันธ์ุทางความคิดให้กับสังคมก็มีความสำคัญเช่นกัน

2) มายาคติ “คณะกรรมาธิการในสภามีไว้เพื่อผลาญงบ” แม้กลไกของคณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) 35 คณะ จะเป็นกลไกที่ประชาชนหลายส่วนตั้งข้อสงสัย แต่พรรคก้าวไกลเชื่อว่ากลไก กมธ. สามารถถูกใช้ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะการพยายามวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบสำหรับ กมธ. ที่มีประธานจากพรรคก้าวไกล เช่น การทำให้กระบวนการในการจัดทำงบประมาณมีความโปร่งใสตั้งแต่ต้น โดยเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล การทำงานเชิงรุกในการสร้างความตื่นตัวและระดมความเห็นจากประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือร่างกฎหมายที่ยกระดับประชาธิปไตย เป็นต้น

3) มายาคติ “สภาคือโรงละคร” แม้สภาผู้แทนราษฎรจะเป็นองค์กรระดับประเทศองค์กรเดียวที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนหลายส่วนยังมีภาพจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับการทำงานในสภา ทั้งความยืดเยื้อ ไม่มีประสิทธิภาพ เสียดสีกันไปมา คำถามเรื่องความโปร่งใส การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์

แม้ตนเชื่อว่าเราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากนโยบายที่ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ได้เริ่มผลักดัน แต่พรรคก้าวไกลอยากเห็นสภาที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชน ไม่ว่าประธานและรองประธานจะชื่ออะไร สังกัดพรรคไหนก็ตาม จึงได้ยื่นร่างแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาเข้าไปแล้วเป็น “ข้อบังคับสภาก้าวหน้า” เพื่อยกระดับการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร โดยจะทำให้สภาเป็น “Open Parliament” หรือสภาที่โปร่งใส ให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการทุกคณะ และเปิดเผยรายงานการประชุมและข้อมูลการลงมติในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อง่าย, ทำให้สภาเป็น “Strong Parliament” ที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารได้อย่างเข้มข้น ให้ประธานของ กมธ. สามัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ เป็น สส.ฝ่ายค้าน ทำให้สภาเป็น “Active Parliament” โดยเพิ่มกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีที่เปิดให้มีการถามไว-ตอบไวระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำฝ่ายค้าน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ อ้างอิงมาจาก “Prime Minister’s Questions” ของสภาในสหราชอาณาจักร, ทำให้สภาเป็น “Global Parliamnet” หรือสภาที่เชื่อมโยงกับสากล โดยให้มีการแปลทุก พ.ร.บ. ที่สภาเห็นชอบเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นคลังข้อมูลในการสื่อสารกับประชาคมโลก และ การทำให้สภาเป็น “People’s Parliament” ที่ประชาชนมีส่วนร่วม โดยเปิดให้ประชาชน 5,000 คน มีสิทธิร่วมเข้าชื่อเสนอญัตติ รวมถึงกำหนดให้ร่าง พ.ร.บ. ที่ถูกเสนอโดยประชาชน ต้องถูกนับเป็นเรื่องด่วนและต้องถูกพิจารณาก่อน

4) มายาคติ “ฝ่ายค้านจะต้องค้านทุกเรื่อง” แม้หลายคนจะคุ้นชินกับบรรยากาศของฝ่ายค้านที่จะต้องค้านทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ แต่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ พร้อมสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องที่เป็นประโยชน์ พร้อมทักท้วงรัฐบาลในเรื่องที่เห็นว่าไม่ตอบโจทย์ เป็นฝ่ายค้านที่นำหน้าปัญหา ไม่ใช่ “เงา” ที่คอยตามหลังและไล่บี้รัฐบาล แต่จะเป็น “แสง” ที่คอยนำทางและชี้แนะรัฐบาล

ดังนั้น ใน 4 ปีข้างหน้านี้ พรรคก้าวไกล จะพิสูจน์ให้เห็นว่าฝ่ายค้านสร้างสรรค์และฝ่ายค้านที่นำหน้าปัญหา เป็นจริงได้ในการเมืองไทย จะมีการทำ Policy Watch คอยติดตามนโยบายของทุกกระทรวงอย่างใกล้ชิด และนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายให้รัฐบาลรับไปพิจารณา การยื่นร่างกฎหมายประกบร่างกฎหมายจาก ครม. อย่างสม่ำเสมอ หาก ครม.เสนอกฎหมายที่ยังมีเนื้อหาที่ก้าวไกลมองว่าบกพร่อง หรือไม่ครบถ้วนสู่สภา พร้อมทั้งจะวิพากษ์วิจารณ์แบบมีข้อเสนอและทางออกควบคู่ ตอบได้เสมอว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร

5) มายาคติ “สส.เขตทำงานพื้นที่ สส.บัญชีรายชื่อทำงานเชิงประเด็น” สำหรับพรรคก้าวไกล บทบาทของ สส.แบบแบ่งเขตจะไม่เป็นเพียงแค่ผู้แทนที่ดีของคนในพื้นที่เท่านั้น แต่จะต้องมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคในส่วนที่เขามีความสนใจหรือความเชี่ยวชาญด้วย ดังจะเห็นได้ว่าในการอภิปรายคำแถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 11-12 ก.ย.ที่ผ่านมา มี สส.พรรคก้าวไกล ถึง 10 จาก 31 คน ที่เป็น สส.แบบแบ่งเขต และใน 4 ปีข้างหน้านี้พรรคก้าวไกลจะกระจาย สส.ทุกคน ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อไปตามกลุ่มเชิงประเด็น 15 กลุ่ม ให้ สส.แต่ละคน สามารถเป็นตัวแทนหลัก (champion) ของพรรคในการขับเคลื่อนประเด็นเหล่านั้นได้

นายพริษฐ์ กล่าวต่อไปว่า บางคนอาจจะมองฝ่ายค้านด้วยความรู้สึกดูแคลน เป็นเสียงข้างน้อยในสภาที่โหวตอย่างไรก็ยากที่จะชนะ แต่สำหรับตนฝ่ายค้านเป็นบทบาทที่มีคุณค่าและขาดหายไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย เป็นจุดตัดสำคัญระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่มีฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน กับระบอบเผด็จการที่ไม่อนุญาตให้มีฝ่ายค้านและผูกขาดอำนาจจนประชาชนไม่มีทางเลือก

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคก้าวไกลอยากเป็นฝ่ายค้านมากกว่าเป็นรัฐบาล หรือต้องการเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต เพียงแต่ตนไม่อยากให้ทุกคนหมดหวัง แต่อยากให้ทุกคนภูมิใจกับบทบาทฝ่ายค้านที่แบกความหวังของประชาชนอย่างน้อย 14 ล้านคนทั่วประเทศ และตนเชื่อว่าหากพรรคก้าวไกลใช้ทุกวินาทีในสภาตลอด 4 ปีข้างหน้า ไปเพื่อการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า การขับเคลื่อนงานยากผ่านกลไกกรรมาธิการ และการเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ที่ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เราไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จในการทลายมายาคติของการเมืองเดิมๆ และฟื้นฟูศรัทธาประชาชนต่อระบบรัฐสภาได้

“เราจะประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าฝ่ายค้านก็เปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ และหากเป็นเช่นนั้น ผมเชื่อว่าในวันที่ประชาชนทั่วประเทศเดินเข้าคูหาในการเลือกตั้งครั้งถัดไป พวกเขาจะมีความคิดในใจว่า ขนาดเป็นฝ่ายค้านพวกเรายังเปลี่ยนประเทศได้ขนาดนี้ แล้วถ้าส่งให้พวกเราเป็นรัฐบาล ประเทศจะเปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหน” นายพริษฐ์ กล่าว.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...