“เศรษฐา” โยนประชาชนเขียนเรื่องราวให้หลังหมดวาระ เผย “ลุงตู่” เตือนระวังเจอว่าสร้างภาพ(คลิป)

นายกฯ แจงที่มา ไหว้สวย เพราะแม่สอน ไม่ว่าชาวบ้าน หรือนักธุรกิจต้องให้ความเสมอภาค ย้ำเตรียมไปนอนทำเนียบฯ เพื่อลดภาระหน่วยรักษาความปลอดภัย เผย “บิ๊กตู่” เตือนระวังเจอครหาสร้างภาพ ชี้ไม่อยากเขียนเรื่องราวของตนเอง ขอให้ประชาชนเขียนแทน

วันที่ 18 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักข่าวไทยรัฐ  ได้จัดงาน Thairath Forum 2023 | Future Perfect สัมภาษณ์สดเวทีแรกอย่างเป็นทางการกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ที่มาเปิดมุมคิด พลิกอนาคต หลังเข้ารับตำแหน่ง ดำเนินรายการแลกเปลี่ยนความคิด พลิกมุมมองโดย สรกล อดุลยานนท์ 


ซึ่งมีผู้บริหารสำนักข่าวไทยรัฐ เข้าร่วม ประกอบด้วย คุณยิ่งลักษณ์ วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยรัฐกรุ๊ป คุณสราวุธ วัชรพล บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คุณวัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ คุณจิตสุภา วัชรพล  เจ้าหน้าที่บริหารสายงานคอนเทนต์ ไทยรัฐทีวี และคุณธนวลัย วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ ไทยรัฐออนไลน์

โดยผู้ดำเนินรายการ ได้สอบถามถึงเรื่องการไหว้สวย และการตั้งใจไหว้มากของนายกฯ โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า คุณแม่สอนไว้ การไหว้เป็นเรื่องที่สำคัญ เวลาเราไปเจอคนแล้ว เป็น first impression (ความประทับใจแรกเห็น) เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำอะไรต่อ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี มีการทักทายที่เหมาะสม เป็นการให้เกียรติ ให้ความเคารพทั้ง 2 ฝ่ายได้ดี ไม่ว่าเขาจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นชาวบ้านก็ตาม เราต้องให้ความเสมอภาคตรงนี้

...

เมื่อถามว่าต่อไปใครมาหาต้องไหว้สวยๆ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่จำเป็นครับ แววตาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ 

เมื่อถามว่า คุณแม่สอนหลักคิดอะไรอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “พยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระกับใคร จะไปไหน ทำอะไร ต้องพยายามช่วยตัวเองให้เยอะที่สุด ไม่ต้องมีการต้อนรับ องคาพยพที่มากนัก แม้อายุจะมากแล้ว แต่ไม่อยากให้เป็นภาระของทุกๆ คน ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนที่อยู่รอบตัวผม ต้องการให้ท่านเป็นภาระ ท่านก็ไม่ยอมเป็นภาระ ปัจจุบันสังคมก็แบกรับภาระมาเยอะแล้ว อยู่มาขนาดนี้แล้ว มีความสุขขนาดนี้แล้ว ไม่อยากให้เป็นภาระสำหรับทุกๆ คน”

เมื่อถามว่า วันแรกที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คงได้ไปกราบคุณแม่ ได้บอกอะไรท่านหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ก็ไปบอกเฉยๆ ว่าขอไปทำหน้าที่ ท่านถามคำเดียวว่า แล้วรองนายกฯ คือใคร แล้วช่วยงานได้หรือเปล่า ผมบอกไปแม่ก็ไม่รู้จักหรอก แต่ว่า มั่นใจครับว่าท่านรองนายกฯ ทุกท่าน เป็นบุคคลที่มีคุณภาพครับ ทุกเย็นๆ ก็ถาม เวลากลับบ้านดูทีวีหรือเปล่า ก็บอกว่าได้ดู”


เมื่อถามว่าหลังทำงานมา 7 วัน คุณแม่ได้เตือนอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ท่านก็ถามว่ากลับเมื่อไหร่ กลับกี่โมงตลอดเวลา แต่ตนเองก็บอกไป แบบไว้ลายว่า เดี๋ยวก็กลับแล้ว แต่พอกลับมาท่านก็หลับแล้ว ส่วนมากจะเจอตอนเช้า

เมื่อถามว่าจะไปนอนทำเนียบฯ จริงหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จริง เพราะบ้านที่อยู่แค่ 197 ตารางวาเอง มันเล็กมากต้องมีตำรวจ คิดว่าเพื่อนบ้านเดือดร้อน แล้วก็เดินทางเยอะ ไม่อยากเป็นภาระกับตำรวจกับหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วย คนที่เป็นภาระ ก็คงเป็นแค่ฝ่ายเลขาฯ คือ เป็นคนง่ายๆ ตื่นมาแล้วปั๊บ ถ้ากิน Breakfast (อาหารเช้า) ตอน 06.30 น. ก็ต้องมีคนมาสั่งงานได้แล้ว 06.30 น. แล้วก็ไปอาบน้ำต่อ ขอเป็นภาระกับเลขา 4-5 คน เมื่อถามว่าไปนอนจริงจังหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็คง 3-4 วันต่ออาทิตย์ ถ้าหากมีภารกิจตอนค่ำ ก็ไปสั่งงานใคร ก่อนนอนได้อีกหนหนึ่ง ก็ยืนยันว่าจะพยายามเต็มที่ เพราะว่าอย่างที่บอกเทหมดหน้าตักจริงๆ ก็ต้องทำงานกันหนักจริงๆ แต่ก็เข้าใจว่าแต่ละคนมีขีดที่รับงานได้ต่างกันไป คนไหนรับได้ก็รับ คนไหนรับไม่ได้ก็เวียนกันมา มาทำงานกัน เพราะเข้าใจว่าบางคนบ้านอยู่ฝั่งธนฯ บ้านอยู่สุขุมวิท เดินทางต่างกันไป ไม่มีปัญหา บอกกันได้ ว่าไหวไม่ไหว พยายามเต็มที่

“ผมได้บอกท่านนายกฯประยุทธ์ไปในวันที่พบท่าน ท่านก็บอกว่า ระวังนะคนหาว่าสร้างภาพ ผมก็พยักหน้า รับทราบ ก็เข้าใจครับ ก็เข้าใจในความหวังดี ในการเตือน มันโดนแน่นอน”

ผู้ดำเนินรายการจึงแซวว่า นึกว่าจะบอกว่า คุณชวน หลีกภัย ไม่รู้จักผม โดยนายเศรษฐา ได้หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว ผู้ดำเนินรายการจึงกล่าวต่อว่า แต่อย่าอยู่เพียงแค่อาทิตย์ 2 อาทิตย์ แล้วออกนะครับ มันมีข่าวลือต่างๆ มากมาย


จากนั้นได้ถามคำถามสุดท้ายว่า นายกฯชอบลิเวอร์พูล มีคำของ เยือร์เกิน นอร์แบร์ท คล็อพ ผู้จัดการทีม เคยกล่าวไว้ว่า ไม่ว่า หงส์แดงยิ่งใหญ่อย่างไร ผมอยากจะเขียนเรื่องราวของเราเองและอยากจะเขียนประวัติศาสตร์ของเราเอง คุณเศรษฐา เพิ่งมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อยากจะเขียนเรื่องราวอย่างไร และอยากให้วันที่ลงจากตำแหน่ง ไม่ว่าเป็น 2 ปี 4 ปี 6 ปี หรือ 8 ปี อยากให้คนจำ จำว่าอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่อยากเขียนเรื่องราวของตัวเอง ผมอยากให้คนอื่น ประชาชนเขียนเรื่องราวของผมนะครับ ผมอยากให้ประชาชนเขียนว่าชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างไร ความแตกแยกของสังคม ไม่ว่าจะความต่างวัย หรือความต่างความคิด เราสามารถอยู่กันได้ โดยไม่มีการด้อยค่าซึ่งกันและกัน โดยใช้คำที่หยาบคาย โดยที่เราสามารถนั่งอยู่บนเวทีอย่างนี้ได้และพูดจากันได้ ที่ไม่มีเยาะเย้ย ถากถาง เมื่อผมพูดแล้วผมรู้ว่าผมถูก หรือว่าอาจจะโดนใจประชาชนมากกว่า แล้วมองกันด้วยสายตาที่ถากถางดูถูก ยิ่งสร้างความเกลียดชัง และแตกแยกมากขึ้นไปอีก ตรงนี้เป็นเรื่องอะไรที่ผม อยากให้สังคมดีขึ้น จนหมดเทอมของผมเอง และอยากให้มีการดีขึ้นอย่างมีนัยที่สำคัญที่สุด” 

ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย, ธนัท  ชยพัทธฤทธี

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...