“อดิศร” ยัน ไม่แทรกแซงปม “พิธา” ไขก๊อก หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถ้า “หมออ๋อง” ยังนั่ง รองประธานสภา ก้าวไกล ก็ไม่ได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ถามจี้ใจ “ปดิพัทธ์” ผิดอะไร จะขับพ้นพรรค เว้นแต่มาเล่นละครซ่อนหากัน ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 18 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อเปิดทางให้ สส. ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนไม่อยากก้าวก่ายแทรกแซงพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะเป็นกิจการภายในของพรรคนั้น แต่ติดที่รัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดว่าพรรคการเมืองที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านต้องไม่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประธานสภา และรองประธานสภา ทั้งนี้ แม้พรรค ก.ก. จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว แต่หากยังมีรองประธานสภา คนที่ 1 อยู่ ก็จะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ ซึ่งจะตกไปอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่พรรค ปชป.ก็ยังเลือกหัวหน้าพรรคไม่ได้
ทั้งนี้ ตำแหน่งรองประธานสภา เมื่อมีการเลือกไปแล้วก็ถือว่าสิ้นสุด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นสิทธิ์ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่จะอยู่หรือไป ตนเป็นคนหนึ่งที่เลือกนายปดิพัทธ์เป็นรองประธานสภา อย่างไรก็ตาม ก็แล้วแต่พรรคก้าวไกลคิด ตนไม่แทรกแซง
เมื่อถามว่า ตำแหน่งรองประธานสภา เดิมเป็นข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะพรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน นายอดิศร กล่าวว่า เลือกไปแล้วเลือกไปเลย ในอดีต นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็เคยเป็นประธานรัฐสภาในขณะที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ก็สามารถทำหน้าที่ได้ ไม่กระทบกระเทือนอะไร เมื่อถามต่อว่า ไม่ได้ติดใจอะไรใช่หรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน หากให้ความเห็นไป เดี๋ยวจะหาว่าเราแซะอะไร แต่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านมีความสำคัญตามนัยของรัฐธรรมนูญ หากขาดตำแหน่งนี้ไป โอกาสที่จะคัดสรรองค์กรอิสระ หรือทำหน้าที่ต่างๆ ในคณะผู้นำฝ่ายค้านก็จะเป็นรัฐบาลเงาก็จะขาดหายไป
“ผมไม่แทรกแซงว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ด้วยความเคารพ อย่าดึงผมไปอยู่ในความขัดแย้งของท่าน”
...
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมองการทำงานร่วมกันอย่างไร หาก นายปดิพัทธ์ ยังอยู่กับฝ่ายค้าน นายอดิศร กล่าวว่า หาก นายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภาอยู่ พรรคก้าวไกลก็ไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
ส่วนกรณีที่อาจจะมีการขับ นายปดิพัทธ์ ไปอยู่กับพรรคอื่น นายอดิศร กล่าวว่า “ท่านมีความผิดอะไร ผมถามหน่อย คุณปดิพัทธ์ มีความผิดอะไรถึงขับออกจากพรรค ทั้งนี้ ข้อบังคับของทุกพรรคระบุว่า หากจะขับคนใดคนหนึ่งออกจากพรรคต้องมีความผิดรุนแรง การที่ นายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภา ตนยังหาเหตุผลที่จะขับ นายปดิพัทธ์ ออกจากพรรคไม่ได้ ยกเว้นมาเล่นละครซ่อนหากัน ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้น และย้ำว่า นายปดิพัทธ์ ไม่มีความผิดอะไรเลย จะไปขับออกจากพรรคได้อย่างไร แต่หากจะย้ายพรรคก็เป็นสิทธิ์ของ นายปดิพัทธ์ ตนไม่ก้าวล่วง เพราะกฎหมายเปิดช่องว่าสามารถทำได้ แต่ตนไม่ขอวิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนที่รวมเสียงได้ 312 เสียง พวกเราก็เลือก นายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภา โดยไม่ได้คิดว่าจะย้อนให้คนอื่นเป็น และ นายปดิพัทธ์ ก็ทำหน้าที่รองประธานสภาดี ตนขอยกย่อง เมื่อถามถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทั้ง 35 คณะ นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของวิป หน้าที่ของ กมธ.คือต้องแบ่งสรรปันส่วนกันระหว่าง สส. ซึ่ง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่ 2 ก็บอกว่า หากตกลงกันไม่ได้ก็ให้จับฉลาก จะได้ทำงานกันเสียที แต่ทั้งนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร.
