“สมศักดิ์” ปลื้ม “เศรษฐา” เดินหน้าปราบยาเสพติดอย่างจริงจัง ชี้ ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จังหวัดภายแดนใต้ เป็นเรื่องของ สมช. แจง แก้รัฐธรรมนูญกับยุบสภาเป็นคนละเรื่องกัน
วันที่ 18 กันยายน 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีการขยายอายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ว่า ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้องบอกว่า ศอ.บต. ไม่ได้กำกับดูแลรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเพียงทราบว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อดูแลพื้นที่ที่ไม่ราบรื่น และอยู่ในการดูแลของเรื่องความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ 22 พื้นที่
สำหรับการประชุม สมช. ครั้งที่ผ่านมา มีมติยกเลิกพื้นที่ไปอีกหนึ่งอำเภอของจังหวัดปัตตานี ดังนั้น จึงเหลือพื้นที่ที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ 21 อำเภอ ดังนั้นจึงมีสถานภาพดังเดิมก่อน แม้ตนไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง แต่ก็ได้ติดตามรายละเอียดว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นงานด้านความมั่นคงตามปกติ ไม่ได้เกี่ยวกับ ศอ.บต. แล้วคงค่อยๆ เลิกไปในสถานการณ์วันข้างหน้า
นายสมศักดิ์ ระบุต่อไปว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ ทุกๆ 3 เดือน ก็จะพิจารณากันครั้งหนึ่ง แต่จะยกเลิกพื้นที่ทั้งหมดคงไม่ได้ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร คือปี 2548 ที่ได้ยกเลิกกฎอัยการศึกทั้งหมด แล้วมี พ.ร.ก.ดังกล่าวมาใช้แทน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานกระทรวงยุติธรรม มีการพิจารณาขอพักโทษของ นายทักษิณ หรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า “ยังไม่ได้ยิน” เมื่อถามถึงกระแสข่าวเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ทางด้าน นายสมศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนั้นไม่ทราบ ตนกำกับดูแลงาน ไม่ใช่เป็นคนสั่งการ เป็นเพียงผู้กำกับดูแล เรื่องที่แต่ละกระทรวงจะเสนอเอกสารมาเพื่อให้เข้า ครม. หรือมีคณะกรรมการที่ตนได้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่ประธานประชุมนั้น จึงจะประชุม แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น
...
ส่วนกระแสข่าวหากรัฐบาลชุดนี้แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะยุบสภาทันที นายสมศักดิ์ มองว่า คงไม่เกี่ยวกัน ในเรื่องของรัฐธรรมนูญกับการบริหารงานของรัฐบาล ทุกคนคงไปตีเวลาของการแก้รัฐธรรมนูญว่าใช้เวลา 2-3 ปี แล้วมาคำนวณการใช้เวลาทำงานของรัฐบาล ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไทม์ไลน์ในเรื่องต่างๆ เหล่านั้นอาจจะใช้เวลาทั้งหมด แล้วเอาเวลาทั้ง 2 เรื่องมาเปรียบเทียบกัน แล้วพูด 2-3 เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ว่ามันคนละเรื่องกัน จึงไม่สามารถไปคำนวณเวลาดังกล่าวได้ ตรงนี้อาจจะเป็นการวิจารณ์เพื่อให้เป็นประเด็นที่ประชาชนฟังแล้วอาจเกิดความสับสนมากกว่า
ทั้งนี้ ฝ่ายค้านพยายามทวงถามการแก้ไขรัฐธรรมนุญ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ นายสมศักดิ์ ตอบว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง ให้เขาได้พูดคุยกันไป เราเป็นฝ่ายบริหาร ขอทำหน้าที่และรับผิดชอบงานฝ่ายบริหาร และตอบคำถามได้เพียงเท่านี้ ขณะที่คำถามว่าในฐานะผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง มองการแบ่งงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีกันอยู่ 3 พรรคและไม่ลงตัว อย่างไรบ้าง นายสมศักดิ์ ระบุว่า การแบ่งงานในกระทรวงที่มีรัฐมนตรีช่วยส่วนใหญ่มักจะมีข่าวสารออกมาในลักษณะนี้ แต่สุดท้ายคงต้องตกลงกันให้ได้ด้วยดี เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการเริ่มต้นของการทำงาน ก็มักจะมีปัญหาดังกล่าว ขอให้ค่อยๆ พูดค่อยๆ คุยกัน ก็คงจะไม่มีอะไร
นอกจากนี้ กรณีที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นเรื่องการปราบปรามยาเสพติดมาแล้ว มองอย่างไรต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดีใจมากที่นายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และคิดมาตลอดว่าปัญหายาเสพติดในระดับรัฐมนตรีทำคนเดียวไม่สำเร็จแน่ เพราะเป็นงานที่ต้องใช้พร้อมกัน 4 ขา คือ
- ขาที่ 1 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทวงยุติธรรม
- ขาที่ 2 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งกำกับดูแลโดยนายกรัฐมนตรี เพราะเรื่องการยึดทรัพย์เป็นกำลังสำคัญหลัก ถือเป็นกฎหมายฉบับที่สำคัญ
- ขาที่ 3 ตำรวจ ที่จะเป็นฝ่ายจับและสืบสวน สอบสวนขยายผล
- ขาที่ 4 เป็นเรื่องสรรพากร และกฎหมายที่จะเข้ามาดำเนินการภายหลังการตรวจสอบทรัพย์สิน
“หากผู้ค้ายังรอดจากการยึดทรัพย์ ก็จะเข้าสู่กระบวนการของกระทรวงการคลังในเรื่องของภาษี ดังนั้น ทุกหน่วยงานต้องช่วยกัน รวมกันทั้งหมด ผมจึงมีความสุขมากที่เห็นนายกรัฐมนตรีนำเรื่องนี้มาทำอย่างจริงจัง”
