ปี 2024 ทุบสถิติร้อนสุดในประวัติศาสตร์ เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 °C เป็นครั้งแรก
วันที่ส่ง: 08/11/2024 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
การประเมินโดยสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป หรือ C3S คาดการณ์ว่าปี 2024 จะเป็นปีที่ร้อนที่สุด โดยแซงหน้าสถิติสูงสุดในปี 2023 และเป็นปีแรกที่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสอย่างต่อเนื่องเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเกณฑ์อุณหภูมิประเทศต่าง ๆ ที่ตกลงเอาไว้ว่าให้คุมให้ไม่เกินตาม “ข้อตกลงปารีส” นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าหากโลกร้อนเกินกว่านั้น โลกจะเผชิญกับความเสียหายที่ไม่อาจย้อนคืนได้
“การปล่อยก๊าซเรือนกระจก” ซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลทำให้โลกร้อนขึ้น ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้ายบ่อยครั้งและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม โดยพายุเฮอริเคนเฮเลนและมิลตัน รวมถึงน้ำท่วมในสเปน เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าสภาพอากาศเลวร้ายเพียงใดจากภาวะโลกร้อน
“เหตุการณ์เหล่านี้จะเลวร้ายลงและเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น”
ซาแมนธา เบอร์เกส รองผู้อำนวยการ C3S กล่าว
นักวิทยาศาสตร์พบว่าอุณหภูมิโลกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี ค.ศ. 1850-1900 ยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ถึง 1.62 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ เดือนตุลาคม 2024 เป็นเดือนตุลาคมที่ร้อนเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ รองจากเดือนตุลาคม 2023 โดยมีอุณหภูมิสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.65 องศาเซลเซียส ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 15 ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมาที่อุณหภูมิสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียส
นักวิทยาศาสตร์ยังพบอีกว่าน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกได้แตะระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 4 ในเดือนตุลาคม โดยอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 19% ขณะที่น้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกาแตะระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในเดือนตุลาคม โดยอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8%
แม้ปี 2024 จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถรักษาอุณหภูมิตามข้อตกลงปารีส เพราะภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงปารีส จะต้องมีปีที่อุณหภูมิสูงกว่าหรือเท่ากับ 1.5 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 20 ปีขึ้นไป
แต่การที่โลกมีอุณหภูมิทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส แสดงให้เห็นว่า โลกของเรามี “แนวโน้ม” ที่จะร้อนขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้เชี่ยวชาญ
ดร.เบอร์เกสกล่าวว่า ในตอนนี้เรายังไม่ได้เราละเมิดข้อตกลง แต่หากแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทศวรรษหน้า และความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันต่อไป โลกของเราก็จะไม่สามารถย้อนกลับได้
รายงานฉบับนี้ออกมาหนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุม COP29 ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีเกี่ยวกับสภาพอากาศของสหประชาชาติที่ประเทศต่าง ๆ จะมาร่วมกันเพื่อพยายามปรับปรุงแผนระดับชาติในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยจะจัดประชุมขึ้นที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน
รายงาน Emissions Gap ฉบับล่าสุดของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP พบว่าประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถบรรลุคำมั่นสัญญาที่จะลดควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030 ได้ อีกทั้งเตือนว่าจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่าง 43% ภายในปี 2030 และ 60% ภายในปี 2035
ขณะที่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก พบว่าความเข้มข้นของมลพิษที่ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2023 และยังพบว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมเร็วขึ้นกว่าช่วงเวลาใด ๆ ในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยความเข้มข้นดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในเวลาเพียง 20 ปี ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นและสภาพอากาศเลวร้ายรุนแรงมากขึ้น
แม้ว่าโลกจะหยุดเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลในวันพรุ่งนี้ อุณหภูมิโลกก็จะไม่ลดลงทันที เพราะมหาสมุทรและแผ่นดินจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะยังคงอบอุ่นขึ้นต่อไป ส่งผลให้เกิดภัยแล้งกินเวลานานหลายฤดูกาล
“ความจริงก็คือ ทุก ๆ เศษเสี้ยวขององศามีความสำคัญ ยิ่งเราลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้เร็วเท่าไหร่ สภาพภูมิอากาศของเราก็จะคงที่เร็วขึ้นเท่านั้น” ดร.เบอร์เกสกล่าว
ไดอานา อูร์เก-วอร์ซัตซ์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยยุโรปกลาง และรองประธานคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า หากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสตามที่ได้ให้สัญญาไว้ จะถือเป็นเป็น “ข่าวร้ายมาก” สำหรับปัญหาภาวะโลกร้อน เพราะสหรัฐเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผลที่สุดในการแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศ คือความมุ่งมั่นในการปล่อยมลพิษทั่วโลก
ที่มา: CNN, The Guardian, The New York Times
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
'จีน' ผ่านงบใหญ่ 10 ล้านล้านหยวน ลุยแก้หนี้แฝงรัฐบาลท้องถิ่น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าในวันนี้ (8 พ.ย.67) ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสภาประชาชนแห่งชาติของจีน มีมติ...
‘ทรัมป์’ เลือก ‘ซูซี่ ไวลส์’ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สตรีคนแรกรับตำแหน่งนี้
การแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” ดำรงตำแหน่ง ‘แม่บ้านทำเนียบขาว’ เป็นเพียงการประกาศครั้งแรกจากการประกาศแต่ง...
ธนาคารและบริษัทโทรศัพท์ ต้องรับผิดชอบต่อการหลอกลวงออนไลน์
กฎหมายนี้จะเน้นไปที่การหลอกลวงแบบ Phishing เช่น เว็บไซต์ปลอม อีเมลปลอม หรือ SMS ปลอม ที่มิจฉาชีพปลอม...
‘ซาราห์ แม็คไบรด์’ หญิงข้ามเพศคนแรกในสภาสหรัฐ
“ซาราห์ แม็คไบรด์” สมาชิกวุฒิสภาสองสมัยจากรัฐเดลาแวร์ กลายเป็น “ผู้หญิงข้ามเพศคนแรก” ที่ชนะการเลือกต...