นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เผยหลังลงพื้นที่เชียงราย ลุยแก้ปัญหา 4 เรื่องใหญ่ การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ยาเสพติด กลุ่มชาติพันธุ์ และฝุ่น PM 2.5 ปลื้มโชว์สะพายย่ามชนเผ่า บอกสวยมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (15 กันยายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ด่านแม่สาย ว่า วันนี้มารับฟังปัญหาหลายๆ ด้าน แบ่งเป็น 4 เรื่องใหญ่ ดังนี้
เรื่องที่ 1 การค้าระหว่างประเทศ ด้านการคมนาคมถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเหนือสุด ในการขนถ่ายสินค้าไปประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีหลายประเทศรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลาว เมียนมา ไทย และจีน ได้รับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการหอการค้าว่า อยากให้มีการลงทุนในหลายรูปแบบ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำหรือทางรถยนต์ รวมถึงการสร้างด่านศุลกากร ตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ และการขอเหล่านี้จะมีเรื่องของงบประมาณตามมา ซึ่งจะต้องมีการพิจารณากัน โดยตนเสนอแนะไปว่าต้องมีการตั้งคณะทำงานระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ เรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรที่สามารถทำได้เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ
เรื่องที่ 2 ปัญหายาเสพติด ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่และสำคัญมากในรัฐบาล และตรงนี้ถือเป็นจุดการค้าระหว่างประเทศ เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดหรือสารตั้งต้นถูกลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา ต้องอาศัยการถกกันในหลายภาคส่วน แต่ไม่ใช่เรื่องการต่างประเทศอย่างเดียวที่ทำให้เป็นปัญหา ยังมีอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายยาเสพติดที่ถูกยึดมา หรือกฎหมายที่ใช้บังคับในเรื่องการยึดทรัพย์ ตนได้สั่งการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปแล้ว โดยหลังกลับจาก จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ก็จะไปประชุมกับทุกภาคส่วน และให้นโยบายว่าต้องลดการใช้ยาเสพติดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
...
เรื่องที่ 3 เรื่องของชาติพันธุ์ และเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีหลายภาคส่วนได้ประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเด็กซึ่งเกิดที่นี่และถูกส่งกลับไปประเทศเมียนมา เพราะไม่ได้รับการศึกษาที่นี่ หรือไม่ได้สิทธิทำกินทั้งที่อยู่กันมานาน ตรงนี้เป็นปัญหาไม่ใช่แค่ชาติพันธุ์อย่างเดียว แต่ก็ยังเป็นปัญหากับคนไทยในหลายครอบครัวที่ครอบครองที่ดินมาแล้วยังไม่ได้รับการแจกเอกสารสิทธิ ซึ่งทาง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมลงพื้นที่ครั้งนี้ด้วย จึงมีการพูดคุยกันในหลายภาคส่วน รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนสั่งการไปแล้วว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน
เรื่องที่ 4 ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องจัดการแก้ไข โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ร่างเอาไว้แล้วถึงวิธีการบริหารจัดการในเรื่องนี้ต้องทำอย่างไร ซึ่งจะเซนซิทีฟนิดหนึ่งในเรื่องของการปลูกข้าวโพดในเมียนมา ตรงนี้เราไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ แต่ก็คงต้องมีการเจรจา เพราะการค้าระหว่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ และอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงไฮซีซั่นในเรื่องของการท่องเที่ยวจังหวัดภาคเหนือ ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงพีกของการเผาด้วยเช่นกัน ตรงนี้จะต้องให้มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“วันนี้ในการลงพื้นที่ทั้งรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ร่วมลงมาด้วย ฉะนั้นความสำคัญของปัญหาที่จังหวัดเชียงราย รัฐบาลให้ความสำคัญ รวมถึงปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ และเรื่องของสัญชาติ เราจะไปดำเนินการทันที”
เมื่อถามว่ามีรายงานตัวเลขของปัญหายาเสพติดในพื้นที่ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่ามี แต่จำตัวเลขไม่ได้ เยอะมาก รู้สึกว่า จ.เชียงราย จะลดลง แต่จะไปเพิ่มทางอีสานแทน
ส่วนคำถามว่ามีการพูดถึงเรื่องฟรีวีซ่าให้กับเมียนมาหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ยัง เพราะจะต้องมีเรื่องของความมั่นคงด้วย อาจจะมีการทำโดยมาขอวีซ่าตรงด่านได้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้การค้าระหว่างชายแดนไทย-เมียนมาดีขึ้น เพราะยอดการค้าอยู่ที่ตัวเลข 9 หมื่นล้านบาทต่อปี และศักยภาพน่าจะไปได้มากกว่านี้ ซึ่งเวลาแก้ไขปัญหาก็ต้องดูเป็นเรื่องๆ กันไป เพราะปัญหามีหลายมิติ แต่เรื่องการค้าชายแดนเราเห็นว่าเป็นเรื่องบวกที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกรณีญาติของคนไทย 300 คน ที่ถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา ร้องขอให้ช่วยเหลือในการเดินทางกลับประเทศ ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่ทราบเรื่อง” ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐา ยังได้สะพายกระเป๋าย่ามที่กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าต่างๆ นำมามอบให้ พร้อมโชว์กับสื่อมวลชนให้ถ่ายภาพ และกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “วันนี้ได้ย่ามหลายสิบใบ สวยมาก”