อสังหาภูเก็ตรับอานิงส์เศรษฐีต่างชาติ หนีสงครามดันยอดขาย-โอนพุ่ง

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ก่อนหน้านี้บริษัทได้ข้าถือหุ้นสัดส่วน 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” (THE TITLE) ในทำเลศักยภาพ บางเทา ในยาง และราไวย์ ซึ่งเป็น Strategic Locations ที่โดดเด่นทั้งด้านการเดินทาง ธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการพักอาศัยระยะยาวและท่องเที่ยว  นอกจากนี้ยังได้เข้าไปถือหุ้น BOTANICA Grand Avenue ซึ่งเป็นบริษัทลูกของBOTANICA ในกลุ่มพูลวิลล่าอีก 30%

ทั้งนี้เนื่องจากภูเก็ตเป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีศักยภาพเติบโตไปได้อีกหลายปี หลังจากการเข้าถือหุ้นครั้งนี้การลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้จะดำเนินการภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” เจาะกลุ่มชาวต่างชาติรายได้สูง ประกอบกับปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นในยูเครน-รัสเซีย, ไต้หวัน-จีน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหนีสงครามเข้ามาอยู่ในจ.ภูเก็ตมากขึ้น 

“ขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ในอนาคตจำนวนคนไทยที่จะเสียภาษีให้กับประเทศไทยมีน้อยลง ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวหรือพาลูกมาเรียนหรือเข้ามาเกษียณอายุ โดยเลือกภูเก็ตเป็นบ้านหลังที่ 2”


ปัจจุบันตลาดอสังหาฯภูเก็ตแบ่งเป็น 4 ตลาดหลัก ได้แก่  ที่อยู่อาศัยสำหรับคนไทย ,คอนโดสำหรับคนที่มาทำงานในภูเก็ต, Leisure Residencesสำหรับชาวต่างชาติเป็นหลัก และพูลวิลล่า

“ขณะนี้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในภูเก็ตไม่ถึง 10% เพราะเพิ่งเริ่มเข้าตลาด Leisure Condoสำหรับต่างชาติ ที่มี “ลากูน่า” เป็นเจ้าตลาดและมี ดีเวลลอปเปอร์ ท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯเข้ามาลงทุนจำนวนมาก”
 

สำหรับภาพรวมยอดขายของ แอสเซทไวส์  9 เดือนแรกปี 2567มียอดขาย 14,578 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนที่มาจากไทเทิลคิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม ปัจจุบันไทเทิลมี Backlog ทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นต่อเนื่องจนถึงปี 2570

ปัจจุบันแอสเซทไวส์และไทเทิลมีคอนโดที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท โดยล่าสุดแอสเซทไวส์ได้ปรับแผนเปิดตัวโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต โดยเปิดโครงการใหม่รวม 4 โครงการมากกว่าแผนที่วางไว้ มีมูลค่าทั้งหมด 15,500 ล้านบาท ประกอบด้วย

เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์  มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์
เดอะ โมเดวา  มูลค่า 6,200 ล้านบาท
เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา  มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนต.ค.นี้
คาตาเบลโล  ในกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับแผนดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท

เวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต ในเครือแอสเซทไวส์ กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับ Strategic Locations อย่างบางเทา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความงดงามของหาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลและรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งกิจกรรมมากมาย รองรับความต้องการของทุกเจนในครอบครัว

และยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์เดอะ ไทเทิล พัฒนาอาคารที่พักอาศัยที่มีโซน “Pet-Friendly” ภายในโครงการ ตอบโจทย์คนรักสัตว์ ให้คนและสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพื่อให้โครงการเดอะ ไทเทิล เป็น “Heaven Bestination” ของทุกคน

“ขณะนี้อสังหาริมทรัพย์ในโซนบางเทา เริ่มมีราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีความเป็นลักชัวรีมากขึ้น เราจึงนำเสนออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นไลฟ์สไตล์และพรีเมี่ยมเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบคลุมทั้งกลุ่มครอบครัว ,คู่รัก,คนโสด, ดิจิทัลโนแมดและ กลุ่มผู้สูงอายุ”

ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยไม่ถึง 5% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติมีมากกว่า 90% ส่วนใหญ่เป็นรัสเซีย ยูเครนและยุโรป ก่อนหน้านี้มีกลุ่มลูกค้าจีนด้วยแต่ดรอปลงไปช่วงหลังโควิดจากปัญหา เศรษฐกิจ ฟองสบู่อสังหาและนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนใช้จ่ายภายในประเทศ คาดว่า1-2 ปีข้างหน้าตลาดจีนกลับมาช่วยกระตุ้นการซื้ออสังหาได้ดีเพราะพฤติกรรมการซื้อของคนจีนคือซื้ออยู่กันเป็นหมู่บ้านในกลุ่มคนรู้จัก ซึ่งภูเก็ตเป็น “destination” ที่คนจีนชอบและมักจะส่งลูกหลานมาเรียนเพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนถูกกว่าปักกิ่งบวกกับนโยบายของจีนที่ไม่อยากให้มีโรงเรียนนานาชาติเพื่อความเท่าเทียมและเสมอภาค

จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มากขึ้นส่งผลให้ราคาที่ดินของภูเก็ตมีแนวโน้มแพงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเดิมไทเท มีที่ดินกว่า80 ไร่ เมื่อแอสเซทไวส์เข้ามาก็มาถือหุ้นมีการลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม ส่งผลให้ปัจจุบันมีที่ดินกว่า100 ไร่ เพียงพอให้พัฒนาโครงการใหม่ได้อีก 2 ปี และหากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการในปีนี้บริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า

นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ “The Esquire” ให้บริการด้าน Property Management ครอบคลุมทั้งทีมนิติบุคคลช่วยบริหารจัดการภายในโครงการ บริการจัดหาและประสานผู้เช่า บริการซักรีด และบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก ช่วยดูแลทรัพย์สินและคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในโครงการเดอะ ไทเทิล พื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายในทุกมิติ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

สมราคาแชมป์โลก "บันยาญา" ผงาดแชมป์โมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่บุรีรัมย์

สมราคาแชมป์โลก "ฟรานเชสโก บันยาญา" ผงาดแชมป์โมโตจีพี 2024 สนามไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่บุรีรัมย์ วันท...

แฟนปืนเฮลั่น "อาร์เซนอล" ได้ 2 ข่าวดีล่าสุดก่อนบู๊ "ลิเวอร์พูล" ศึกพรีเมียร์ลีกคืนนี้

แฟนปืนเฮสนั่น! "อาร์เซนอล" ได้ 2 ข่าวดีสำคัญ ก่อนปะทะ "ลิเวอร์พูล" ศึกพรีเมียร์ลีกคืนนี้ ชี้ชะตาลุ้น...

"เนวิน" เคลื่อนไหวถึง "ศศลักษณ์ - ลิซ่า" หลังแข้งบุรีรัมย์ ได้ตีธงหมากรุกในโมโตจีพี

ระดับโลก "เนวิน" เคลื่อนไหวถึง "ศศลักษณ์ - ลิซ่า" ทันที หลังแข้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ตีธงหมากรุกในโ...

เวทีระดับโลก "ศศลักษณ์" เปิดใจ หลังได้โบกธงหมากรุกในโมโตจีพี ที่บุรีรัมย์ บ้านเกิด

เวทีระดับโลก "ศศลักษณ์" นักเตะทีมชาติไทย เปิดใจหนแรก หลังได้โบกธงหมากรุกในโมโตจีพี ที่บุรีรัมย์ จังห...