‘ออสเตรเลีย’ทวีปแห่งไวน์ สร้างนวัตกรรมอย่างยั่งยืน

พูดแบบนี้บางคนที่ไม่ใช่คอไวน์อาจนึกภาพไม่ออก จำต้องนำผลิตภัณฑ์ของแทร่! มาโชว์ให้ได้ชิมกันถึงที่ โดย Wine Australia ซึ่งเป็นองค์กรตามกฎหมายของรัฐบาลออสเตรเลีย ทำหน้าที่ส่งเสริมและกำกับอุตสาหกรรมไวน์ในประเทศร่วมมือกับออสเทรด (คณะกรรมาธิการการค้าและการลงทุน) จัดงาน Australian Wine Showcase 2024 เมื่อวันก่อน ตะลุยสี่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียไปกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ มากรุงเทพฯ แล้วไปต่อที่โฮจิมินห์ซิตี้ สิ้นสุดที่กรุงฮานอยของเวียดนามเมื่อวันพุธ (16 ต.ค.)

กรุงเทพธุรกิจได้พูดคุยกับ พอล ทูเรล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดของ Wine Australia ถึงการทำโรดโชว์ในครั้งนี้ ที่จะให้ภาพรวมของไวน์ออสเตรเลียหลากหลายสไตล์  ตั้งแต่ไวน์คลาสสิกที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันดีในออสเตรเลีย ไปจนถึงไวน์สไตล์ใหม่ๆ ที่กำลังสร้างสรรค์รูปลักษณ์ ความรู้สึก และรสชาติของออสเตรเลียยุคใหม่

ในวันที่คุยกัน ณ กรุงเทพฯ พอลได้ไปเยือนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มาแล้ว เมื่อเทียบกับตลาดไวน์ออสเตรเลียในประเทศไทย พอลเล่าว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือปัจจุบันไวน์ออสเตรเลียขายในไทยได้มากกว่าในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ตลาดไทยแม้ยังไม่ใช่ตลาดที่อิ่มตัว แต่เติบโตมากกว่าสองประเทศนี้

ปัจจัยที่มีส่วนส่งเสริมตลาดไวน์ออสเตรเลียในไทยคือการมีชุมชนชาวออสเตรเลียที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เช่นเดียวกับมีชุมชนชาวไทยขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย ดังนั้นผู้ผลิตไวน์หลายรายที่พัฒนาไวน์ใหม่ๆ ทุกปี จึงผลิตไวน์ที่เข้ากับอาหารได้ดีกว่า โดยเฉพาะอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เน้นพริก เน้นสมุนไพร ไวน์จำนวนมากที่ผลิตขึ้นมาในตอนนี้ทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงเข้ากันได้ดีเมื่อจับคู่กับอาหาร ไม่ได้ไปแข่งรสอาหาร เท่ากับว่าไวน์ออสเตรเลียมีสไตล์ใหม่ๆ ออกมาไม่ได้มีแค่สไตล์ดั้งเดิมแบบยุโรป 

เมื่อพูดถึงการจับคู่ดื่มไวน์กับอาหารซึ่งเป็นเรื่องของวัฒนธรรม  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่อนข้างแตกต่างกับยุโรปมาก จีเอ็ม Wine Australia ยอมรับว่า แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

"แต่ผมคิดว่าในทางภูมิศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้กับออสเตรเลีย รวมถึงวัฒนธรรมสมัยใหม่ของออสเตรเลีย มีคนไทยและคนเวียดนามจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขานำสไตล์และรสชาติการปรุงอาหารไปด้วย ผู้ผลิตไวน์ออสเตรเลียได้ชิมรสชาติอาหารเหล่านั้นจึงผลิตไวน์ที่เสริมรสชาติอาหาร 

เช่น บางทีในไวน์แดงก็ลดหรือเบาสารแทนนินลง ลดกรด เพิ่มผลไม้ ช่วยเพิ่มรสชาติ" พอลกล่าวพร้อมยกข้อมูลชี้ว่าจากปัจจุบันถึงปี 2040 หรือ 2050 จีดีพีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่น 

“ที่สำคัญคือผู้บริโภคชนชั้นกลางร่ำรวยขึ้น ผู้บริโภคเหล่านี้จำนวนมากเริ่มค้นหาประสบการณ์ เริ่มทดลองไวน์มากขึ้น ซึ่งไวน์เป็นเครื่องดื่มที่อาจจะซับซ้อนกว่าเบียร์หรือสุรา” พอลกล่าวถึงจุดแข็งของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังระบุถึงความท้าทายใหญ่ของตลาดนั่นคือภาษีไวน์ค่อนข้างสูง ทำให้ไวน์กลายเป็นสินค้าหรูสำหรับหลายๆ คน

พอลตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ในระยะหลังเทรนด์ของไวน์ในระดับโลกไม่ใช่แค่ออสเตรเลียได้เปลี่ยนแปลงไปในสองลักษณะ กล่าวคือผู้บริโภคจำนวนมากพยายามลดแอลกอฮอล์ ไวน์บางชนิดจึงผลิตในสไตล์ออสเตรเลียดั้งเดิม แต่บางส่วนก็ลดน้ำตาล ลดแอลกอฮอล์ เป็นสไตล์ที่เบาบางสดชื่นกว่าเดิม

นี่คือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาที่พอลสังเกตเห็น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสไตล์ใหม่จะถูกใจลูกค้าทุกคน ผู้บริโภคที่ยังต้องการไวน์เข้ม ฝาด แบบเดิมก็ทำได้

  • ออสเตรเลียทวีปแห่งไวน์

นอกจากนี้ออสเตรเลียยังมีจุดเด่นด้านภูมิศาสตร์เหมาะสำหรับการผลิตไวน์ 

 “ถ้าคุณดูแผนที่ ออสเตรเลียใหญ่กว่าทวีปยุโรปชนิดที่ยกยุโรปมาใส่ในแผนที่ออสเตรเลียได้เลย และถ้าดูในแง่การผลิตไวน์ เราผลิตตั้งแต่ตะวันตกสุดข้ามไปถึงฝั่งตะวันออกสุด ลงไปใต้สุดถึงแทสเมเนีย” พอลกล่าวพร้อมขยายความว่า ด้วยภูมิศาสตร์แตกต่าง สภาพอากาศแต่ละภูมิภาคและเฉพาะพื้นที่แตกต่าง เปิดช่องให้ออสเตรเลียผลิตไวน์ได้แตกต่างหลากหลาย เหมือนกับการผลิตไวน์ในริโอฆาแตกต่างกับไวน์ที่ผลิตในบอร์โดหรือทัสคานี 

“แต่ทั้งหมดเราสามารถผลิตได้ในออสเตรเลียประเทศเดียว” ไม่เพียงเท่านั้นความหลากหลายของออสเตรเลียยังเกิดจากการที่ไม่เจอข้อจำกัดอย่างที่ผู้ผลิตไวน์ในยุโรปต้องเจอ 

“ถ้าคุณผลิตไวน์ในพื้นที่หนึ่งต้องปลูกองุ่นชนิดหนึ่งๆ เท่านั้น แต่ออสเตรเลียไม่มีข้อจำกัด เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตไวน์ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ มากขึ้น และหวังว่าสิ่งที่เราทำจะกลายเป็นนวัตกรรม”

  •  ไวน์ออสเตรเลียกับตลาดไทย

จีเอ็ม Wine Australia กล่าวว่า การที่ไวน์จากประเทศออสเตรเลียเหมาะกับตลาดไทยเพราะสไตล์ของไวน์เข้ากันได้ดีมากกับอาหารไทย เป็นที่ทราบกันดีว่า  ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนชื่นชอบ เมื่อชนชั้นกลางเติบโตขึ้นไวน์กลายเป็นเรื่องปกติไม่ใช่โอกาสพิเศษอีกต่อไป ไม่ใช่สิ่งที่จะดื่มแค่เดือนละครั้ง แต่ดื่มพร้อมกับอาหาร

อีกเหตุผลหนึ่งเรื่องความเหมาะสมของตลาดไทยจากมุมมองของออสเตรเลียซึ่งจะสำคัญมากขึ้นทุกขณะคือ  การนำเข้าไวน์ออสเตรเลียจะทิ้งคาร์บอนฟุตปรินท์น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการขนส่งจากยุโรป สหรัฐ หรือแอฟริกาใต้มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผู้บริโภคหลายคนให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก ออสเตรเลียจึงเพิ่มความพยายามสร้างโปรแกรมผลิตไวน์ออสเตรเลียอย่างยั่งยืน ทั้งผู้ปลูกและผู้ผลิตต้องบรรลุเกณฑ์ความยั่งยืนขั้นต่ำ เช่น การปฏิบัติต่อคนงาน การรีไซเคิลส่วนประกอบต่างๆ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าปฏิบัติตามนี้ได้ดีขึ้นในแต่ละปีก็จะได้รับเครื่องหมายความไว้วางใจบนขวด ผู้บริโภคเห็นเครื่องหมายนี้จะตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริง เพราะพวกเขาทราบดีว่าไวน์ถูกผลิตขึ้นอย่างรับผิดชอบ ด้วยวิธีการที่ยั่งยืน

“ถ้าคุณไม่มีโอกาสลองไวน์ออสเตรเลีย ควรหาโอกาสลอง เพราะเราคือทวีปแห่งไวน์ ไม่ใช่แค่ประเทศ เรามีพื้นที่ปลูกองุ่น 65 เขตทั่วประเทศ มีองุ่นกว่า 100 สายพันธุ์ ผมจะประหลาดใจมากถ้ามีคนหาไวน์ถูกใจไม่ได้เลยในนั้น” จีเอ็ม Wine Australia กล่าวทิ้งท้าย 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ฮามาส’เล็งหาผู้นำใหม่จากนอกกาซา ตัวเก็งใกล้ชิดอิหร่าน

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน ในการหารือเรื่อง ผู้นำ ฮามาส ต้องพิจารณาทั้งคนที่อิหร่านผู้สนับสนุนหลักโปรด...

‘ติง หนิง’ บิ๊กบอสแชร์ลูกโซ่จีน เหยื่อถูกหลอกทะลุ 9 แสนราย ก่อความเสียหาย 2.5 แสนล้านบาท

เมื่อเอ่ยถึง “แชร์ลูกโซ่” กลวิธีหลอกลวงที่ทำให้หลายคนหน้ามืดตาบอด ยอมขายบ้านขายรถมาลงทุน เพื่อหวังจะ...

เปิดรายงานชันสูตรศพผู้นำฮามาส ดับเพราะสาเหตุใด?

สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างรายงานข่าวจากนิวยอร์กไทม์ส นายแพทย์เชน คูเกล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่...

‘จีน’ เองก็เจ็บหนักจากสงคราม ’อีคอมเมิร์ซ’ วงจรอุบาทว์ปิดตำนานศูนย์กลางการค้า

“เมืองหลวงค้าส่งระดับโลก” อย่าง “เป่ยเซียจู” เคยเป็นศูนย์กลางที่คึกคักของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่หวังจ...