เซ็นทรัลผนึกกองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุฯ PIF ลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจส

เขย่าวงการสร้างปรากฎการณ์รีเทลระดับโลกอีกครั้งสำหรับทุนสัญชาติไทยรายใหญ่ กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศจับมือ "PIF" กองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมลงทุนในกิจการของ "กลุ่มเซลฟริดเจส" ทั้งหมดแทนที่ กลุ่มซิกน่า(Signa) เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากประเทศออสเตรียที่มีธุรกิจกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคยุโรป เผชิญวิกฤติการณ์ทางการเงินอย่างหนักเข้าสู่ภาวะล้มละลาย

โดยความร่วมมือกับพันธมิตรทางการเงินระดับโลกครั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะถือหุ้นในสัดส่วน 60%  ส่วน PIF ครองหุ้นในส่วนที่เหลือ 40%  ภายหลังจากที่ PIF ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดในธุรกิจกลุ่มเซลฟริดเจสต่อจากกลุ่มซิกน่า

 

ความร่วมมือครั้งนี้ ยังรวมถึงเงินลงทุนก้อนใหม่ที่กลุ่มเซ็นทรัล และ PIF จะร่วมกันอัดฉีดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และต่อยอดทางธุรกิจของกลุ่มเซลฟริดเจสในอนาคตอีกด้วย โดยดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์หลังจากได้รับการอนุมัติ ตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า จากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่กลุ่มเซ็นทรัลได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีอำนาจในการบริหารห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเซลฟริดเจส "วันนี้นับเป็นข่าวดีอีกครั้งที่เราจะผนึกกำลังร่วมกับ PIF เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับกลุ่มเซลฟริดเจสมากยิ่งขึ้น"

"กลุ่มเซลฟริดเจส" เป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าหรูชั้นนำของยุโรปมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 18 สาขา ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส (Selfridges) สหราชอาณาจักร (ซึ่งรวมถึงอาคารและที่ดินของสาขาถนนออกซ์ฟอร์ด (Oxford Street) แฟลกชิปสโตร์ที่เป็นแลนด์มาร์กของย่านช้อปปิ้งอันโด่งดังของกรุงลอนดอน และ สาขาแมนเชสเตอร์เอ็กซ์เชนจ์ สแควร์ (Manchester Exchange Square) ห้างสรรพสินค้า ดี แบนคอร์ฟ (deBijenkorf) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ห้างสรรพสินค้า บราวน์โทมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts) ประเทศไอร์แลนด์ พร้อมแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซและบริการในรูปแบบออมนิแชนแนล(Omnichannel)ที่ผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลเริ่มลงทุนในกิจการกลุ่มเซลฟริดเจสตั้งแต่ปี 2565 และได้ผลักดันธุรกิจให้พร้อมรับการเติบโตอย่าง ต่อเนื่อง เช่น การปรับโฉมล่าสุดของ SelfridgesBeauty Hall สาขาถนนออกซ์ฟอร์ด ให้กลายเป็น “Beauty Destination of the Future” ที่ผสานนวัตกรรมและบริการล้ำสมัยเข้ากับความหรูหราได้อย่างลงตัว

หรือการปรับปรุง และเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูที่ชั้น G ห้างบราวน์ โทมัส กรุงดับบลิน และแผนกสินค้าชาย ห้างดี แบนคอร์ฟ กรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหล่าเซเลบริตี้และนักช้อปผู้หลงใหลในแบรนด์ดัง

โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มเซลฟริดเจสสร้างยอดขายได้กว่า 2,800 ล้านปอนด์ หรือกว่า 125,000 ล้านบาท!

PIF กองทุนขนาดใหญ่สุดในโลกเสริมแกร่งพลังทุนต่อยอดธุรกิจ

ทศ กล่าวต่อว่า "PIF คือพันธมิตรที่เราเลือกให้มาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจอันทรงคุณค่าแห่งนี้ เพราะเราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์การลงทุนระดับโลกของ PIF เมื่อผสานกับประสบการณ์และความชำนาญของกลุ่มเซ็นทรัลในธุรกิจค้าปลีกระดับลักชัวรี ทั้งด้านการบริหารจัดการสินค้าและการริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ จะทำให้ธุรกิจของกลุ่มเซลฟริดเจสเติบโตอย่างแข็งแกร่ง  สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นว่าการลงทุนในยุโรป เป็นส่วนสำคัญในการประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาค ที่เชื่อมต่อโลกค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและตอกย้ำ ความเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจห้างสรรพสินค้าหรูของกลุ่มเซ็นทรัล”

 

สำหรับ PIF คือกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นหนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เพื่อการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจให้กับซาอุดีอาระเบีย

ในฐานะนักลงทุนระดับโลก PIF มุ่งแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเร่งการเติบโตและการถ่าย ทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ที่จะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศแห่งอนาคตในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ปี 2560 "PIF" ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทไปแล้ว 95 แห่ง และอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนให้กับท้องถิ่นต่างๆ ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 150,000 ล้านริยาล หรือกว่า1.5ล้านล้านบาท

"จากการลงทุนเชิงกลยุทธ์และการเป็นพันธมิตรกับภาครัฐและเอกชนของซาอุดีอาระเบีย PIF กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยน ผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และวางรากฐานสำหรับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศในการลงทุนเพื่อการ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศซาอุดีอาระเบีย"

กลุ่มเซ็นทรัลครองอาณาจักรห้างหรูยุโรป 40 สาขา 34 เมืองท่องเที่ยวระดับโลก

อาณาจักรห้างสรรพสินค้าหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลในปัจจุบัน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 40 สาขา อยู่ใน 34 เมืองท่องเที่ยวชั้นนำใน7ประเทศ   โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดสามารถสรุปได้ตามลำดับเวลาดังนี้

- กรกฎาคม 2567 กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้ออาคารและที่ดินของห้างสรรพสินค้าคาเดเว กรุงเบอร์ลิน จากบริษัทซิกน่า ไพร์ม ซีเลคชั่น เอจี เปลี่ยนสถานะจากผู้เช่าเป็นผู้ให้เช่า และเข้าซื้อสินทรัพย์ของกลุ่มคาเดเว พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่KaDeWe GmbH (คาเดเว จีเอ็มบีเอช) ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรู ทั้ง 3 แห่งในเยอรมันแต่เพียงผู้เดียว ได้แก่ คาเดเว กรุงเบอร์ลิน โอเบอร์โพลลิงเกอร์ เมืองมิวนิก และ อัลสแตร์เฮ้าส์ เมืองฮัมบูร์ก

- สิงหาคม 2567 กลุ่มเซ็นทรัลลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อ และเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในกิจการบริหารห้างสรรพสินค้า โกลบุส (Globus) ทั้ง 9 สาขาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ในส่วนบริษัทที่ถือครองและบริหาร อาคารและที่ดินห้างโกลบุส (Property Company)กลุ่มเซ็นทรัลยังคงถือหุ้น 50% เช่นเดิม

- กันยายน 2567 กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมกับPIFกองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อ กิจการกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges Group) จากผู้ถือหุ้นเดิมคือกลุ่มซิกน่า (Signa)ได้แก่ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้า (Operating Company) และบริษัทที่ถือครองและบริหารอาคารและที่ดิน (Property Company) โดยกลุ่มเซ็นทรัลถือหุ้น 60% และกองทุน PIF ถือหุ้น 40% ในส่วนของกลุ่มซิกน่าเดิมทั้งสองบริษัท

อย่างไรก็ดี ธุรกิจในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันมีใน 7 ประเทศนั้น การลงทุนใน 6 ประเทศเป็นการลงทุนส่วนตัวโดยตรงของกลุ่มเซ็นทรัล ไม่เกี่ยวข้องกับ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN  แต่อย่างใด

ประกอบด้วย

สหราชอาณาจักร :ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส (Selfridges)

เนเธอร์แลนด์ : ห้างสรรพสินค้าดี แบนคอร์ฟ (deBijenkorf)

ไอร์แลนด์ : ห้างสรรพสินค้าบราวน์ โทมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts)

เยอรมนี : ห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน,โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เมืองมิวนิก และอัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก

เดนมาร์ก : ห้างสรรพสินค้าอิลลุม (Illum)

สวิตเซอร์แลนด์ : ห้างสรรพสินค้าโกลบุส (Globus) และ โกลบุสฟู้ดฮอลล์(Globus Food Hall)

ส่วนการลงทุนในประเทศอิตาลี แบ่งเป็น บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) เป็นเจ้าของ 100% ในส่วนของบริษัทที่บริหารห้างสรรพสินค้ารีนาเซนเตทั้ง 9 สาขา กลุ่มเซ็นทรัล เป็นเจ้าของ 100% เฉพาะในส่วนบริษัทที่ถือครองและบริหารอาคารและที่ดิน 2 สาขาคือ สาขาโรม ทริโทเน่ (Rome Tritone) และสาขาตูริน(Turin)

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

3สมาคมอสังหาฟันธงปี67พ้นจุดต่ำสุดชงปลดล็อกLTVลดดอกเบี้ยหนุนปี68ฟื้นตัว

ท่ามกลางปัจจัยลบที่รุมเร้าภาคอสังหาฯเผชิญ"แรงกดดัน"ต้นทุนราคาบ้านแพงขึันสวนกำลังซื้อ และยอดกู้ไม่ผ่า...

ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 400 จุด ตลาดกังวลวิกฤติตะวันออกกลาง-ทิศทางเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ที่ 7 ต.ค. เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธ...

เซ็นทรัลผนึกกองทุนความมั่งคั่งแห่งซาอุฯ PIF ลงทุนในกลุ่มเซลฟริดเจส

เขย่าวงการสร้างปรากฎการณ์รีเทลระดับโลกอีกครั้งสำหรับทุนสัญชาติไทยรายใหญ่ กลุ่มเซ็นทรัล ประกาศจับมือ ...

เปิดแฟ้ม ครม. 8 ต.ค.เคาะตั้งเลขาฯสมช.คนใหม่ - มท.จ่อชงตั้งอธิบดี - ผู้ว่าฯ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (8 ต.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวั...