นายกฯ ยัน ดูความมั่นคงเอง เร่งลดช่องว่างทหารกับประชาชน รับ ภารกิจหนัก

นายกฯ ยัน ดูแลความมั่นคงเอง ต้องพยายามลดช่องว่างทหารกับประชาชน ด้วยการสื่อสารที่ดีขึ้น รับภารกิจหนักดูทั้งคลังและความมั่นคง แต่ก็ต้องทำ ขณะ "Soft Power" มีคนอื่นร่วมด้วย ไม่ใช่มีแต่แพทองธาร ยันรัฐบาลไม่มีความขัดแย้ง 

วันที่ 14 ก.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงข่าว กรณี การแบ่งงานของกระทรวงกลาโหมนั้น นายเศรษฐา ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแลด้านความมั่นคงเอง เรื่องความมั่นคงมีทั้งมิติภายในและภายนอก อธิปไตยของประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาด้านการค้า เราเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีความภาคภูมิใจในเอกราช ที่มีมาโดยตลอด แต่เราอยู่บนโลกที่มีความขัดแย้งสูง ดังนั้นการเดินทางไปต่างประเทศ มีการพบปะพูดคุยกับผู้นำระดับประเทศ ในการประชุมสหประชาชาติ เป็นมิติของความมั่นคงภายนอก

"ในอดีตมีการพูดจาที่รุนแรง ต้องพยายามลดช่องว่างระหว่างสถาบันทหารกับประชาชนให้มีการสื่อสารที่ดีขึ้น และต้องมีกิจกรรมที่ทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน การสมัครใจเกณฑ์ทหารบางส่วน นำพื้นที่ของทหารมาแบ่งสรรให้ประชาชนทำกิน และการนำกำลังทหารมาช่วยแก้ปัญหาภัยพิบัติ"

ส่วนการที่นายกรัฐมนตรี ดูแลทั้งด้านการคลังและด้านความมั่นคงเอง ไม่เกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำ และสมควรจะทำ โดยต้องดูแลให้ครบทุกมิติ ถือเป็นภารกิจที่หนักหน่วง แต่ต้องเข้าใจว่า เป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องทำต่อไป

สำหรับการตั้งคณะกรรมการ Soft Power ที่ปรากฏชื่อของบุคคลสำคัญหลายฝ่ายมานั่งเป็นคณะกรรมการ รวมถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พยายามนำบุคคลจากทุกภาคส่วน ที่ทางรัฐบาลเชิญเข้ามาเพื่อผลักดันให้ Soft Power ผลักดันให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

...

ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงสาเหตุที่แต่งตั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลด้านการเกษตรควบคู่ด้วย แทนที่จะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ ขณะที่รองนายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น ก็ได้ดูแล ด้านที่สอดคล้องกับกระทรวงในโควตาของพรรคการเมืองนั้น

นายเศรษฐา กล่าวทันทีว่า อย่าดูเรื่องโควตาของพรรคการเมือง เพราะได้พูดตั้งแต่วันแรกว่า แม้รัฐบาลนี้จะมี 11 พรรคการเมือง แต่ก็เป็นรัฐบาลของประชาชน

"อย่าดูว่าเป็นซีกไหน คุ้มไหน ฝ่ายไหน ใครดูแลใคร คิดว่าเป็นการดูแลที่ถูกฝาถูกคน เพราะ นายภูมิธรรม เอง ก็ดูแลด้านพาณิชย์ และการเกษตรควบคู่กัน เป็นการเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าไม่มีเรื่องความขัดแย้ง"

ส่วนจะมีเกณฑ์ชี้วัด หรือ KPI วัดผลในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นอย่างไรนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด เพราะหากพูดไปแล้วจะมีคำถามเยอะกว่าคำตอบ ขอไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงก่อน และหากมีแผนงานระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว จะรายงานให้ทราบอีกที แต่ขอให้สบายใจ เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...