นายกฯ ประกาศเดินหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ กทม. เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร” โดยมีทีมคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมงาน พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้แทนสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายสุขภาพ เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม.

งานนี้เป็นการประกาศความมุ่งมั่นของรัฐบาลต่อนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” และการขับเคลื่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนทราบถึงสิทธิและบริการต่างๆ วิธีและขั้นตอนการรับบริการ ตลอดจนหน่วยบริการที่เข้าร่วม โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบ “โล่ตราสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่” ให้กับผู้แทนสภาวิชาชีพทั้ง 7 สาขา ในการร่วมเป็น “หน่วยบริการนวัตกรรม” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ดูแลประชาชนตามนโยบาย ได้แก่ แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม สภาการพยาบาล สภากายสภาพบำบัด สภาเทคนิคการแพทย์ และสภาการแพทย์แผนไทย

นางสาวแพทองธาร ได้ กล่าวว่า ตนได้ยินนโยบายนี้ มาตั้งแต่อายุ  8-9 ขวบ พร้อมเล่าประสบการณ์ในตอนที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี วันหนึ่งท่านกลับบ้านมาแล้วเล่าให้ฟังที่โต๊ะทานข้าวว่า วันนี้มีคนเดินมาหาพ่อ เขาถอดเสื้อออก โชว์แผลผ่าตัดใหญ่มากตรงหน้าอก เป็นการผ่าตัดหัวใจที่ยากและซับซ้อน แต่การผ่าตัดใหญ่ทั้งหมดนี้ จ่ายเงินแค่ 30 บาทเท่านั้น เขาบอกกับพ่อว่า สุขภาพดีขึ้นมาก ไม่ต้องทนทุกข์เรื้อรังอีก นี่คือเรื่องจริงของนโยบายที่สามารถช่วยชีวิตของผู้คนได้  เรื่องเล่าในวันนั้นถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำของตนจนถึงวันนี้ เป็นสิ่งย้ำเตือนให้ทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อทำนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น เพื่อทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงให้ได้ 30 บาทรักษาทุกโรค ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในฐานะรัฐบาล ที่ประชาชนคนไทยสามารถจับต้องนโยบายที่เป็นรูปธรรม เข้าถึงการรักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล

ผ่านมา 23 ปี ถึงเวลาแล้วที่เราจะยกระดับไปอีกขั้น จาก “30 บาทรักษาทุกโรค” สู่  “30 บาท รักษาทุกที่” ซึ่งตอนนี้ขยายมาถึง กรุงเทพมหานครแล้วซึ่งกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เดียวในประเทศไทย ที่ขาดแคลนบริการสาธารณสุขในระดับต้นและระดับกลาง ทั้งที่ควรมีศูนย์บริการสาธารณสุขถึง 500 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 50 แห่ง

โดยต่อไปนี้ทุกคนที่ถือสิทธิ์ “30 บาท รักษาทุกที่” ในกรุงเทพมหานคร ถ้าเจ็บป่วยเล็กน้อย สามารถเข้าไปหาหน่วยบริการสาธารณสุขได้เลย เช่น ร้านยาใกล้บ้าน คลินิกเวชกรรมใกล้บ้าน คลินิกทันตกรรมใกล้บ้าน รถโมบายตรวจเลือด ที่บางครั้งจะเข้าไปให้บริการในชุมชน  ตู้คิออสในห้างหรือสถานีรถไฟฟ้า ที่สามารถเข้าไปปรึกษาคุณหมอผ่านเทเลเมดิซีน และมีหน่วยบริการอื่นๆ ใกล้บ้านอีกหลายแห่ง แค่มองหาสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ก็เข้ารับบริการได้ทันที ไม่เสียค่าใช้จ่าย

วันนี้ได้ก้าวเข้าสู่นโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ที่เป็นการพัฒนาโดยเพิ่มความสะดวกการเข้ารับบริการให้กับประชาชน อันเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยบริการ ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับบริการอย่างต่อเนื่องได้ทุกที่ ประกอบกับการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ ที่ได้ดึงสภาวิชาชีพ 7 สาขา มาร่วมให้บริการโดยเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบ ช่วยให้ผู้ป่วยเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใกล้บ้านได้ ลดการเดินทาง ลดระยะเวลารอคอย และลดความแออัดในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ 30 บาทรักษาทุกที่ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับบริการสุขภาพ ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มุ่งให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายฯ ได้เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ

• ระยะที่ 1 เดือนมกราคม ที่นำร่องใน 4 จังหวัด
• ระยะที่ 2 เดือนมีนาคม ดำเนินการเพิ่มเติมในอีก 8 จังหวัด
• ระยะที่ 3 เดือนพฤษภาคม ขยายในพื้นที่ 33 จังหวัด
• ระยะที่ 4 กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่ 46 และจะให้ครอบคลุมทั้งประเทศในปีนี้

สำหรับงาน 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ในวันนี้ ประชาชนใน กทม. ไม่ว่าสิทธิบัตรทองท่านจะอยู่จังหวัดใด ก็สามารถใช้บัตรประชาชนเข้ารับบริการสุขภาพระบบปฐมภูมิได้ตามนโยบายได้ ทั้งที่หน่วยบริการประจำ และหน่วยบริการ ปฐมภูมิ ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง คลินิกชุมชนอบอุ่น และหน่วยบริการนวัตกรรม ที่มีตราสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ ปรากฏอยู่

“วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งจากผลการศึกษาระยะที่ 1 โดยคณะวิจัยนโยบายและระบบสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีชี้ชัดแล้วว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่  ประชาชนร้อยละ 98 มีความพึงพอใจมากต่อบริการ เพราะสะดวกในการเข้ารับบริการ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และไม่ต้องรอคิวนาน” 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ความสำคัญในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลในพื้นที่ ทั้งโรงพยาบาลในสังกัด 12 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง และหน่วยบริการนอกสังกัด ซึ่งนโยบาย กทม. 9 ด้าน 9 ดี ในด้านสุขภาพ ได้มุ่งให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพแบบไร้รอยต่อ เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ช่วยให้หน่วยบริการทุกระดับเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนได้ ทั้งยังมุ่งเพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล ติดตามอาการ ลดความซ้ำซ้อนการจ่ายยา ระบบการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างหน่วยบริการ เพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการของประชาชน และสนับสนุนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ฯ

ที่ผ่านมา กทม. ได้นำร่องการเชื่อมโยงระบบข้อมูลฯ นี้แล้วในเขตสุขภาพที่ 3 ด้วยความร่วมมือของโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และหน่วยนวัตกรรมในพื้นที่ โดยปัจจุบันได้ขยายไปทั่วพื้นที่ กทม. แล้ว โดยเป็นดำเนินการผ่านระบบที่ กทม. พัฒนาขึ้น ได้แก่ ระบบส่งต่อผู้ป่วย (e-Referral) ระบบ Health Link และ Platform อื่น ๆ ทำให้วันนี้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการปฐมภูมิได้ ทั้งที่ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชมชนอบอุ่น หน่วยนวัตกรรมที่ติดสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ หากมีความจำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาลก็จะมีการส่งตัวผู้ป่วยตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ของ กทม. ยังมีระบบคืนข้อมูลสุขภาพให้กับประชาชนผ่าน Application หมอ กทม. ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการร่วมดูแลสุขภาพตนเองและใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้

ทั้งนี้ในการเข้ารับบริการตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” นอกจากการเข้ารับบริการโดยการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง, แอปพลิเคชัน หมอพร้อม แล้ว ยังสามารถใช้แอปพลิเคชัน ทางรัฐ ได้เช่นกัน พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาล และย้ายหน่วยบริการประจำได้ด้วยตนเอง

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ