“รอมฎอน” จี้ “แพทองธาร” โน้มน้าว “พิศาล” ขึ้นศาลคดีตากใบ ก่อนหมดอายุความ

“รอมฎอน ปันจอร์” เรียกร้องหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โน้มน้าว  “พิศาล” ขึ้นศาลคดีตากใบ 15 ต.ค. ก่อนหมดอายุความ ชี้ประธานสภาฯ เข้าใจคลาดเคลื่อน รัฐธรรมนูญไม่คุ้มครอง สส. ที่เป็น “จำเลย” ในคดีอาญา 

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้ความเห็นถึงกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือเรียกตัวพลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีตากใบ ให้ไปขึ้นศาลจังหวัดนราธิวาส พร้อมระบุว่ากฎหมายให้การคุ้มครองสมาชิก จึงต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาฯ ว่าจะอนุญาตให้ส่งตัวหรือไม่

โดยนายรอมฎอนกล่าวว่า หากพิจารณาจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 โดยเฉพาะวรรคสุดท้ายที่ระบุถึงกรณีที่มีการฟ้อง สส.ในคดีอาญา ความในมาตรานี้เปิดให้ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมก็ได้ โดยระบุเงื่อนไขว่าต้องไม่เป็นการขัดขวางต่อการที่สมาชิกคนนั้นจะมาประชุมสภาฯ ด้วยเหตุนี้ กรณีของพลเอกพิศาลจึงไม่จำเป็นต้องขอมติที่ประชุมสภาฯ เพื่ออนุญาตให้เดินทางไปเบิกตัวที่ศาลแต่อย่างใด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นัดของศาลครั้งต่อไปกำหนดเป็นวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่โดยปกติแล้วจะไม่มีการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือการประชุมร่วมกันของรัฐสภา การไปปรากฏตัวที่ศาลเพื่อเบิกคำให้การในวันนั้นก็ไม่น่าจะถือว่าเป็นการขัดขวางการประชุมสภาฯ แต่อย่างใด

“หากนับจากวันนัดศาลครั้งถัดไป อายุความในคดีตากใบซึ่งถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินก็จะเหลืออีกเพียงแค่ 10 วัน การเดินทางไปศาลของพลเอกพิศาลจึงขึ้นอยู่กับสปิริตและความรับผิดชอบของตัวท่านเอง อย่างน้อยๆ ท่านก็ควรให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จะเป็นการดีมากกว่าปล่อยให้คดีสำคัญนี้ขาดอายุความไป เพราะข้อกล่าวหาเหล่านี้จะติดตัวท่านไปตลอด และไม่ได้รับการพิสูจน์อีกต่อไป”

...

นายรอมฎอนกล่าวต่อไปว่า ตนเคยนำประเด็นการตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญนี้หารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากทราบว่าญาติของผู้เสียหายในเหตุการณ์ตากใบทำหนังสือถึงประธานสภาฯ ในวันนั้นมีการอภิปรายกันถึงแนวทางและขั้นตอนของสภาฯ ในกรณีที่มีสมาชิกตกเป็นจำเลย แต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างและยังสับสนกันอยู่ เป็นไปได้ว่าแนวปฏิบัติที่เคยทำกันมาอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ ในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุชัดเจนว่าในกรณีที่สมาชิกเป็น “ผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน” นั้นต้องได้รับมติเห็นชอบจากสภาฯ แตกต่างจากกรณีนี้ที่สถานะคือตกเป็น “จำเลย” ในคดีที่ศาลประทับรับฟ้องแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่ลุกขึ้นอภิปรายในเวลานั้น

อย่างไรก็ดี ตนได้ทำหนังสือหารือกับสำนักกฎหมายสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ทำความเห็นในกรณีนี้เป็นการเฉพาะเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขในกรณีนี้ว่าอายุความจะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 และวันปิดสมัยประชุมอยู่ที่วันที่ 30 ตุลาคม 2567 หรือห้าวันหลังจากนั้น ในขณะเดียวกัน ศาลนราธิวาสได้กำหนดวันนัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 ด้วย

นายรอมฎอนกล่าวด้วยว่า นอกจากการตัดสินใจไปศาลตามนัดจะเป็นการตัดสินใจของพลเอกพิศาลแล้ว คดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่ออำนาจรัฐเช่นนี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางการเมืองจากพรรคเพื่อไทยและคณะผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยไปได้ เนื่องจากจำเลยเป็นสมาชิกแบบบัญชีรายชื่อของพรรค 

ตนจึงขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยให้คำแนะนำและโน้มน้าวใจให้จำเลยที่ 1 เดินทางไปที่ศาลตามวันนัด เพราะนอกจากอายุความกำลังจะสิ้นสุดแล้ว ยังเป็นการยืนยันให้ประชาชนได้เห็นเป็นประจักษ์ว่าประเทศของเรายังคงปกครองด้วยหลักนิติธรรม และประชาชนยังคงสามารถให้ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมได้ อีกทั้งยังเป็นหนทางในการต่อสู้คดีและพิสูจน์ความจริงของจำเลยด้วยเช่นกัน

“ท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่พรรคการเมืองอื่น ๆ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะประกาศแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อจากนี้ได้อย่างไร หากอายุความของคดีตากใบต้องสิ้นสุดลงเพราะ สส.ของพรรครัฐบาลไปเบิกคำให้การไม่ทันเวลา ทั้งๆ ที่ ศาลท่านประทับรับฟ้องแล้ว หลังจากนี้ประชาชนจะเชื่อมั่นต่ออำนาจรัฐและแนวทางของรัฐบาลที่กำลังจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร” นายรอมฎอนทิ้งท้าย

สำหรับความคืบหน้าคดีตากใบล่าสุด ทางสำนักโฆษกสำนักอัยการสูงสุดได้นัดสื่อมวลชนเพื่อรับฟังการแถลงข่าวกรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งคดีตากใบในวันนี้ (18 กันยายน 2567) เวลา 10:00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยคดีดังกล่าวทางตำรวจภูธรภาค 9 ได้รื้อฟื้นและทำสำนวนขึ้นมาใหม่ ก่อนจะส่งให้อัยการพร้อมความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยเป็นคนละสำนวนกับคดีข้างต้นที่ราษฎรฟ้องและศาลนราธิวาสได้ประทับรับฟ้องไปก่อนหน้านี้

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...