“อ.สมชาย” วิเคราะห์คำแถลงนโยบาย “อิ๊งค์” ยังคงเน้นดิจิทัลวอลเล็ต

“สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” เผย คำแถลงนโยบาย นายกฯ แพทองธาร ยังคงมุ่งเน้นดิจิทัลวอลเล็ต เพราะต้องสานต่อรัฐบาลเศรษฐา ชี้โลกไม่เหมือนเดิมหาก “ทักษิณ” จะเข้ามาช่วยลูก ระบุ ประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลปิดประตูตายสมัยหน้าได้เลย

วันที่ 10 กันยายน 2567 รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับไทยรัฐถึงคำแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เผยแพร่ให้สาธารณะได้ติดตามก่อนจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 กันยายนนี้ว่า ถ้าจะดูภาพรวมนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ยังคงมุ่งเน้นนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตที่จะต้องทำต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพราะจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้าย และถ้าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าขยายตัว คิดว่าน่าจะอยู่ในเกณฑ์มากกว่า 2.4-2.6%

ส่วนนโยบายที่ไม่แตกต่างจากเดิมคือนโยบายด้านการท่องเที่ยว เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วกระตุ้นไว้แรงมาก และรัฐบาลนี้หยิบมาทำต่อจึงไม่มีอะไรแตกต่าง ส่วนที่น่าจับตาคือนโยบายแลนด์บริดจ์ รัฐบาลนี้จะสานต่ออย่างไร เพราะต้องยอมรับว่าเป็นงานใหญ่มากและทำในบริบทที่มีความจำกัดเรื่องงบประมาณ เป็นโครงการขนาดใหญ่ อย่างโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำมาหลาย 10 ปีแล้วก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย ดังนั้นหากจะทำโครงการใหญ่จะต้องวางแผนให้ดีเพื่อดึงดูดนักลงทุนและเอกชนมาให้ได้

ขณะที่ความสามารถและความรู้ของนายทักษิณจะเข้ามาช่วยรัฐบาลของลูกสาวได้มากน้อยเพียงใดนั้น อาจารย์สมชายมองว่าบริบทของปัจจุบันและอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้วแตกต่างกัน ด้วยยุคและสมัยที่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นดิจิทัล คิดว่าการบริหารจะทำได้ยาก โลกไม่เหมือนเดิม และยิ่งมีมหาอำนาจเข้ามาเป็นผู้กำหนดทิศทาง หากในอนาคต นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง สถานการณ์โลกก็เปลี่ยนไปอีก เพราะฉะนั้นจึงถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร หากเลือกข้างผิดก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศ ตอนนี้ไทยพึ่งพาจีนมาก เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่จะต้องจับตาดู หากเราไปเอนเอียงข้างใดข้างหนึ่ง ผลสุดท้ายจะกลายเป็นผลเสียกับไทย ส่วนนโยบายเรื่องการศึกษาเห็นว่าในคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญน้อยมาก รัฐบาลชุดนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ไขได้คือปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังหยุดชะงัก หากรัฐบาลเร่งใช้งบประมาณก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังให้ขึ้นมาได้ และปีหน้าเศรษฐกิจจะโตขึ้นมา 3% ได้

...

ส่วนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรือแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้ว เพราะมีพรรคการเมืองเข้ามาร่วมอีกหนึ่งพรรคแต่ก็เป็นหน้าตาเดิม พรรคประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้ว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมรัฐบาลเพราะอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรี แบบนี้สมัยหน้าประชาธิปัตย์ก็ปิดประตูตายได้เลย

อย่างไรก็ตามต้องจับตาดูการขึ้นแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธารในวันที่ 12 กันยายนนี้ ส่วนที่หลายคนบอกว่าการแถลงนโยบายก็เป็นเพียงการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาลเพื่อให้ได้ไปทำงานต่อเท่านั้น ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากรัฐบาลนี้ทำไม่ได้อย่างที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยก็จะได้คำตอบจากประชาชนเอง

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...