“สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม แนะรอดูนโยบายรายกระทรวง ละเอียดกว่าการแถลงนโยบายภาพรวม ชี้ สัญญาณดีกองทัพรับปากทุกภารกิจ เชื่อ ระยะห่างกองทัพกับประชาชนจะดีขึ้น
เมื่อเวลา 23.37 น. วันที่ 12 กันยายน 2566 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า อยากให้ทำความเข้าใจ เรื่องที่บอกว่านโยบายรัฐบาลไม่ครอบคลุม กว้าง ไม่มีตัวชี้วัด ซึ่งนโยบายรัฐบาลเขียนไว้ในภาพกว้าง ถ้าเอามารวมทั้งหมดจะเล่มใหญ่มาก ขอให้เล็งไปที่นโยบายรายระทรวง
ส่วนกรณีที่ผู้อภิปรายหลายคนติดใจเรื่อง การปฏิรูปกองทัพ เป็นการพัฒนาร่วมกัน คิดว่า ปฏิรูป กับ พัฒนา ความหมายเดียวกัน คือทำให้ดีขึ้น วันนี้เราทำงานหวังเป้าหมายให้สำเร็จ วิธีการยืดหยุ่น ปรับสภาพตามบริบท เพราะทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ซึ่งต่างจากการใช้การสื่อสารที่เผชิญหน้าท้าทาย สำหรับกระทรวงกลาโหม สิ่งที่ต้องทำให้ดีขึ้น คือ อยากให้เป็นกองทัพที่ทันสมัย ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป กระชับแต่เข้มแข็ง อีกทั้งทันสมัยด้วยภารกิจ ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลทำแน่นอนใน 4 ปี ซึ่งกองทัพจะเล็กลงตามสถานการณ์ที่ไม่กระทบกับศักยภาพ
อีกทั้ง จะได้เห็นการเกณฑ์ทหารลดลงจนเกือบจะไม่มี หากอะไรที่ทำได้ไม่จริง สมาชิกก็สามารถมายื่นกระทู้ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และใต้การกำกับของตน กองทัพต้องมีบทบาทช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และชุมชนด้วย มาช่วยปราบยาเสพติด ช่วยเหลือประชาชน วันนี้มีรัฐมนตรีเป็นพลเรือน เชื่อว่าระยะห่างกองทัพกับประชาชนจะดีขึ้น ข้อสำคัญคือเราจะตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง ขจัดการทุจริต ขอให้ดูนโยบายกระทรวงอีกครั้ง และพร้อมให้ติดตามตรวจสอบการทำงาน
ขณะที่ประเด็นทำไมไม่หยุดเกณฑ์ทหารนั้น นายสุทิน กล่าวว่า ต้องไปดูรัฐธรรมนูญที่ระบุ คนไทยต้องเป็นทหาร เป็นกฎหมาย ต้องมีกลไกให้เขาไปเป็น ถ้าหยุดการเกณฑ์ 100% จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากวันหนึ่งเกิดศึกสงคราม รัฐบาลเรียกมาเป็นกองหนุนได้ การทำดีที่สุดคือทำจนวันหนึ่งคนมาสมัครเป็นทหารครบ และใน 4 ปีต่อไปนี้จะปรับสวัสดิการมากขึ้น ให้คนมาสมัครทหารมากขึ้น ปรับทัศนคติที่คนกลัวการเป็นทหารรับใช้ หรือโดนทำร้าย
...
นอกจากนี้ เรื่องให้นายพลลดลง ขอให้คำมั่นสัญญาว่าใน 4 ปี นายพลน้อยลงแน่นอน เพราะนักเรียนเตรียมทหารลดลงทุกปี อีกทั้งจะมีนายพลเกษียณอีกจำนวนมาก แต่ถ้ารัฐบาลนี้วางมือก็ไม่เป็นไปตามแผนที่กองทัพเริ่มดำเนินการมา ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่กำกับ และขอให้เชื่อมั่นพวกเราที่เป็นนักการเมือง อีกทั้งไม่มีประโยชน์ที่จะท้าทายกัน การยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ ท่าทีประนีประนอม หนักแน่นเป้าหมาย นุ่มนวลในวิธีการ เป็นเรื่องที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการไปหารือกับกองทัพ ได้รับสัญญาณที่ดี เราเป็นพลเรือน แต่กองทัพให้เกียรติ รับปากทุกภารกิจ ทุกนโยบาย จะถูกหลอกหรือไม่ ทำได้หรือไม่ได้ก็มาคุยกัน แต่ตนมีแนวคิดที่จะต้องระดมความคิดเมื่อถึงจุดหนึ่ง วันนี้ขอเดินไปตามความเร็วเท่านี้ก่อน.
