“ศิริกัญญา” ผิดหวังงบ 68 รีดไขมันส่วนเกินไม่มากพอ ขอปรับลดราว 2 แสนล้าน

อภิปรายงบประมาณ 2568 “ศิริกัญญา” ผิดหวังรีดไขมันส่วนเกินไม่มากพอ ห่วงแนวโน้มจัดเก็บรายได้พลาดเป้า เหตุเศรษฐกิจโตต่ำกว่าเป้า-นโยบายปรับลดภาษี ขอปรับลดราว 2 แสนล้าน เหลือ 3.5 ล้านล้าน

วันที่ 3 กันยายน 2567 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 3,752,700,000,000 บาท ในวาระที่ 2-3 โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยผู้ขอสงวนความเห็น ได้อภิปรายเปิดในภาพรวมถึงปัญหาการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และเหตุผลที่ควรมีการปรับลดงบประมาณลงราว 2 แสนล้านบาท เหลือ 3.5 ล้านล้านบาทเศษ

น.ส.ศิริกัญญา ยกข้อมูล 5 อันดับกระทรวงที่มีการปรับลดงบประมาณสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงกลาโหม รวมแล้วตัดได้ราว 4 หมื่นล้านบาท แต่ปัญหาคือการปรับลดงบประมาณครั้งนี้มีส่วนที่ไม่ควรตัดก็ไปตัด เช่น รัฐวิสาหกิจ ซึ่งหลายรายการเป็นงบประมาณที่ต้องใช้ชำระหนี้จากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ขณะเดียวกันก็ยังมีส่วนที่เป็นไขมันส่วนเกินที่ยังรีดได้อีกเยอะมากแต่ไม่ถูกตัดไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ซ้ำซ้อน ไม่สมเหตุสมผล ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ยังมีไขมันที่แทรกซึม มีโครงสร้างที่ปรับเปลี่ยนได้

...

พร้อมอภิปรายต่อไปว่ายังมีความจำเป็นต้องปรับลดงบประมาณลง เนื่องจากประเทศไม่ได้มีความสามารถหรือกำลังมากพอใช้จ่ายเงินถึง 3.7 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการประมาณการรายได้ของปี 2568 ซึ่งถูกประมาณการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 วันนั้นมีการตั้งงบประมาณไว้ที่ 3.6 ล้านล้านบาท ประมาณรายได้น่าจะจัดเก็บได้ 2.887 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตถึง 3.2% และมีการประมาณการหนี้สาธารณะไว้ราว 63%

แต่เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากเดือนธันวาคม 2566 มาถึงเดือนพฤษภาคม 2567 ที่มีการตั้งงบประมาณขาดดุลจนเกือบชนเพดาน เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 3.2% ลดลงมาเหลือเพียง 2.5% ย่อมส่งผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลโดยตรง อีกทั้งหนี้สาธารณะปี 2567 ยังสูงขึ้นไปกว่าการคาดการณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ 62.7% กลายเป็น 65.7% และมีการคาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะปี 2568 จะเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 2%

ทั้งนี้ แม้เหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงแต่งบประมาณปี 2568 กลับไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนเลย โดยเฉพาะประมาณการรายได้ และยังมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย เช่น กรมสรรพสามิต ที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2567 ว่าจะจัดเก็บรายได้เกือบ 6 แสนล้านบาท พอเก็บจริงกลับเก็บได้ไม่เกิน 5.3 แสนล้านบาท หลุดเป้าหมายไปเกือบ 7 หมื่นล้านบาท เนื่องมาจากมีการปรับลดภาษีน้ำมันช่วยเหลือค่าครองชีพ การปรับลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และภาษีบุหรี่ที่จัดเก็บพลาดเป้าไปเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

ขณะที่มาถึงปี 2568 มีการตั้งเป้าไว้อย่างท้าทายว่าจะจัดเก็บรายได้ได้ 6 แสนล้านบาทเศษ แต่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะจัดเก็บได้ตามเป้า เพราะนโยบายภาษีรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลง ส่วนภาษีบุหรี่ก็ไม่มีการปรับปรุงนโยบายแต่อย่างไร ดังนั้น เพื่อความระมัดระวังและการรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคตได้ จึงขอปรับลดงบประมาณปี 2568 ลงราว 2 แสนล้านบาท เหลือ 3.5 ล้านล้านบาท

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...