ส่งถึงกฤษฎีกา มีชัย-วิษณุ "สแกน" โผครม. “ภูมิธรรม” หวังจบก่อน 15 ก.ย.

“ภูมิธรรม” เร่งสอบคุณสมบัติ รมต. หวังให้เสร็จภายใน 15 ก.ย. อ้างประชาชนอยากได้รัฐบาลมาทำงานแล้ว ลุยสานต่อนโยบายเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ต้องถึงมือ “มีชัย-วิษณุ” ช่วยสแกน “อภิสิทธิ์” เหน็บแรง ไม่แปลกใจกับผู้บริหาร ปชป.ยุคนี้ ชี้ขัดอุดมการณ์กระทบฐานเสียงหนัก สอนหลักการไม่ใช่อะไรก็ได้เพื่อก้าวสู่อำนาจ ทำคนสิ้นศรัทธากับพรรค ไปเทใจให้ค่ายส้มเข้มแข็งขึ้น แบ่งรับแบ่งสู้กลับมากอบกู้ฟื้นฟูประชาธิปัตย์ เพจ ปชป.เดือดจัดจนต้องปิดคอมเมนต์ จับโป๊ะ “เดชอิศม์” อวยตัวเอง “วิสุทธิ์” มั่นใจงบฯ 68 ผ่านฉลุย โวเสียงโหวตเป็นปึกแผ่น

กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นไปอย่างเข้มข้น มีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ร่วมคณะอยู่ด้วยช่วยพิจารณา

“อ้วน” เร่งสอบคุณสมบัติ รมต.

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีบางคนสุ่มเสี่ยงเรื่องคุณสมบัติว่า พูดยากว่าสุ่มเสี่ยงหรือไม่ เพราะไม่ได้เห็นรายละเอียด เป็นเรื่องของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ต้องรอดูว่าผลทั้งหมดเป็นอย่างไร คิดว่าจะเสร็จโดยเร็วที่สุด รวมถึงให้องค์กรอิสระตรวจสอบคุณสมบัติต่อว่าบุคคลใดมีรายชื่ออยู่ในการตรวจสอบขององค์กรอิสระหรือไม่ เช่น นายภูมิธรรมมีคดีอะไรบ้าง ทุกหน่วยงานต้องตอบกลับ ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดเลยไม่ทราบว่าใครมีติดคดีอะไรอยู่บ้าง คาดว่าทุกหน่วยงานส่งข้อมูลมาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีครบหมดแล้ว อยู่ระหว่างการใช้ดุลพินิจ เราได้เร่งให้ส่งรายชื่อตั้งแต่แรกแล้ว

...

พยายามให้เสร็จภายใน 15 ก.ย.

ผู้สื่อข่าวถามว่าสัปดาห์หน้ากระบวนการตรวจสอบจะแล้วเสร็จหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า พยายามให้เสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย. หรือบวกลบไม่เกิน 3 วันถ้าเป็นไปได้ จากนั้นรอการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ไม่อาจก้าวล่วงได้ หากการตรวจสอบดำเนินการเร็วทุกอย่างจะเร็วตามไปด้วย เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯได้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมเรียบร้อยทุกอย่างแล้วหรือยัง อยากทำให้เร็วที่สุด เมื่อถามถึงรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ นายภูมิธรรมตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เคาะมาก็ต้องเป็นไปตามนั้น คาดว่าถึงมือสำนักเลขาธิการ ครม.เรียบร้อยแล้ว เมื่อถามถึงการส่งรายชื่อรัฐมนตรีสำรองจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมตอบว่า หากพรรคใดต้องการส่งชื่อสำรองก็ให้เสนอมาขึ้นอยู่กับแต่ละพรรค เป็นสิทธิของแต่ละพรรค หากมั่นใจรายชื่อใครที่เหมาะสมก็ส่งมา

ประชาชนอยากได้รัฐบาลทำงาน

เมื่อถามว่ามีกระแสต่อต้านการร่วมรัฐบาล จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมถามกลับว่าความเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ดูที่อะไร วันนี้เท่าที่สำรวจและดูผลสำรวจจากโพลต่างๆแล้ว สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือต้องการให้มีรัฐบาลและเข้ามาทำงานทันที ขอให้รัฐบาลจับมือร่วมกันให้เป็นเอกภาพมากที่สุด ขอโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงาน เรารู้อยู่แล้วเข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่ประสบปัญหาวิกฤติ ต้องเตรียมการทำงานร่วมกันให้ดีที่สุด

สานต่อเรือธง “ดิจิทัลวอลเล็ต”

เมื่อถามถึงการแต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการระดับสูงที่ใกล้เกษียณช่วงสิ้นเดือน ก.ย. ต้องรอ ครม.ชุดใหม่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ก็ควรรอ ครม.ชุดใหม่ แต่หากเป็นเรื่องเร่งด่วนและมีความชัดเจนแล้วมีเสนอขึ้นมา ก็พร้อมจะเซ็น เมื่อถามความคืบหน้าเรื่องการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายภูมิธรรมตอบว่า นโยบายที่จะแถลงเราคุยกันกับพรรคร่วมรัฐบาลตั้งแต่วันที่พูดคุยจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นไปตามไทม์ไลน์เวลาคือวันที่ 15 ก.ย. หมายถึงแถลงนโยบายเสร็จสิ้นด้วยและรัฐบาลทำหน้าที่ได้เลย เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตมีความชัดเจนอย่างที่บอกไปเป็นโครงการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เรายืนยันมาตลอดว่าอย่างไรก็ต้องทำนโยบายนี้ และทันทีที่รัฐบาลใหม่ทำงานได้จะเร่งจัดการทันที

อ้างจมอยู่กับอดีตคงทำอะไรไม่ได้

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเพิ่มเสียงให้กับฝั่งรัฐบาลว่า คำอธิบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นคำที่ฟังได้ เพราะต้องการให้ประเทศได้เดินหน้า เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้ดีได้ เพื่อวางรากฐานประเทศไปสู่อนาคตที่ดี และวันนี้ที่เราเห็นคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะถ้าเรายังจมอยู่ที่เดิมเราจะทำอะไรไม่ได้ประเทศชาติก็ขัดแย้ง ต้องแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง และพรรคประชาธิปัตย์มีวาระที่ต้องผลักดัน ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มีนโยบายที่ต้องทำ ฉะนั้นการเดินหน้ารัฐบาลเมื่อมีเสียงเพิ่มขึ้นนั่นคือเสถียรภาพของรัฐบาล ให้ประเทศสงบเดินไปข้างหน้า และเวลาของรัฐบาลนี้เหลืออีก 3 ปี ฉะนั้นยิ่งรัฐบาลเป็นปึกแผ่นมีเสถียรภาพ จะเกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน นักลงทุน

ต้องถึงมือ “มีชัย–วิษณุ” ช่วยสแกน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจสอบประวัติผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้นหลังศาลรัฐธรรมนูญมีแนวคำวินิจฉัยเรื่องจริยธรรมเข้ามา ทำให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำเรื่องการตรวจสอบประวัติ ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 รวมถึงนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะอยู่ด้วยช่วยพิจารณา โดยการส่งประเด็นเข้าไปสอบถามความเห็น จะส่งเป็นรายประเด็นว่าเรื่องอยู่ที่ไหนมีความเป็นมาอย่างไร โดยไม่ระบุชื่อตัวบุคคลที่ขอให้ตรวจสอบ เพื่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่หนึ่งมีความเห็นกลับมาแบบเป็นกลางที่สุด

“อภิสิทธิ์” ไม่แปลกใจ ปชป.ยุคนี้

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจเรื่องการร่วมรัฐบาลของพรรค ปชป.กับพรรคเพื่อไทย เพราะมองเห็นมาระยะหนึ่งแล้ว เป็นเหตุผลที่วันที่ลาออกจากพรรค ปชป. หลังจากเข้าไปคุยกับหัวหน้าพรรค ปชป.คนปัจจุบัน ก็เข้าใจว่าทิศทางจะเป็นอย่างนี้ จึงตัดสินใจลาออกมา ทราบมาตลอดว่ามีความพยายามติดต่อกันมาแบบนี้ ในฐานะเป็นสมาชิกพรรคมานานและผูกพันกับพรรค เช่นเดียวกับคนจำนวนมากที่ยังคบหาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ต้องบอกว่าการกระทำครั้งนี้กระทบกระเทือนจิตใจของสมาชิกและผู้สนับสนุน พรรคจำนวนมาก สังเกตได้จากอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คนที่ไม่เห็นด้วย ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบรุนแรง มีคนมาพูดคุยแสดงความคิดเห็นกับตนไปในทิศทางเดียวกันหมด แต่เมื่อตัดสินใจเป็นทิศทางของพรรคแล้ว ผู้บริหารพรรคต้องเดินหน้าและรับผิดชอบ

ชี้ขัดอุดมการณ์กระทบฐานเสียง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้งในอดีตหรือการยึดติดกับเรื่องเก่า อันนี้เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจ ขัดกับความเป็นพรรค ปชป.ที่ยึดถือกันมาช้านาน ขอย้ำว่า ปชป.ที่อยู่มายาวนาน นอกเหนือจากแนวคิดแนวทางการทำงานแล้ว คือความพร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ที่ไม่ได้มุ่งแสวงหาอำนาจโดยไม่มีเงื่อนไข นี่คือความแตกต่างของ ปชป.กับหลายพรรคในอดีต ไม่ว่าเป็นพรรคการเมืองไหนหากสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปก็ยากจะกอบกู้ศรัทธากลับคืนมา แต่ผู้บริหารพรรคคงมีเหตุผลของเขาแต่ไม่แน่ใจว่าการเข้าไปเป็นรัฐบาลจะช่วยสร้างผลงานหรือเรียกคะแนนนิยมกลับมาได้จริง เพราะสังคมมองเห็นชัดเจนว่าการเข้าร่วมครั้งนี้ไม่ได้มีผลในเชิงเสถียรภาพรัฐบาล ไม่มีพรรค ปชป.รัฐบาลก็มีเสถียรภาพอยู่แล้ว การเข้าไปร่วมครั้งนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคมีนโยบายอะไรเข้าไปผลักดัน เป็นเรื่องที่ผู้ที่ตัดสินใจต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป การกระทำครั้งนี้ส่งผลค่อนข้างรุนแรงกับบรรดาผู้สนับสนุนพรรคมายาวนาน จึงต้องติดตามต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น และความรับผิดชอบที่จะตามมา

ไม่ใช่อะไรก็ได้เพื่อก้าวสู่อำนาจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เลขาธิการพรรค ปชป.ระบุว่า ที่ผ่านมา ปชป.พ่ายแพ้มาตลอด จึงตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อให้พรรคเติบโต นายอภิสิทธิ์ตอบว่า รอพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ขอย้ำว่าประชาธิปัตย์อยู่มายาวนานไม่ใช่เพราะอะไรก็ได้เพื่อก้าวเข้าสู่อำนาจ เมื่อถามว่ามีการอ้างว่าที่พรรค ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ เพราะผู้บริหารเมื่อปี 2553 ไม่อยู่ในพรรคแล้ว นายอภิสิทธิ์ตอบว่า แล้วแต่คนจะมอง ไม่ตอบโต้อะไร คิดว่าไม่ใช่เรื่องผู้บริหารยุคใดยุคหนึ่ง เป็นเรื่องอุดม การณ์แนวทางของพรรคที่ทำมาช้านาน เพราะบุคคลไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า แต่สิ่งที่จะคงความเป็นพรรคคือความคิดอุดมการณ์ แม้วันนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว แต่ยังยึดถืออุดมการณ์ประชาธิปัตย์อยู่

อีกเหตุผลทำ ปชน.เข้มแข็งขึ้น

เมื่อถามย้ำว่าเหมือนกับให้นายอภิสิทธิ์เป็นแพะหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ติดใจเพราะเหตุผลหนึ่งที่ลาออกจากพรรค เพราะรู้ว่าจะเป็นความขัดแย้งเป็นปัญหา และถือว่าเมื่อพรรคได้เลือกผู้บริหารชุดนี้ก็ต้องให้เขาทำงานเต็มที่ การตัดสินใจเข้าไปร่วมรัฐบาลคิดว่าสังคมมองไปในทางเดียวกันว่าความจำเป็นมันไม่มี แต่เป็นเรื่องของการอยากเข้าสู่อำนาจมากกว่า หรือความเชื่อที่ว่าการจะประสบความสำเร็จทางการเมืองได้ ต้องเข้าไปมีอำนาจ นี่เป็น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคประชาชน (ปชน.) ถูกมองว่าจะมีความเข้มแข็งขึ้น เพราะไม่ได้เข้ามาอยู่ในขบวนการ แบบนี้ และต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย สำหรับตนพรรค ปชป.ที่อยู่ในจุดที่น่าจะมีโอกาสสร้างพื้นที่ใหม่ทางการเมือง สำหรับประชาชนที่เขามีความรู้สึกว้าเหว่ ว่าความเชื่ออุดมการณ์ ความคิดที่อยากทำ การเมืองที่ดีหายไปเกือบหมด และอาจไม่ได้เห็นตรงกับพรรคประชาชนในหลายเรื่อง

ยากกอบกู้ศรัทธาคนเทใจให้ค่ายส้ม

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำให้คนอกหักจากพรรคปชป. ไปเลือกพรรคประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า พูดไปแล้วว่าพรรคประชาชนอยู่ในจุดที่ค่อนข้างได้เปรียบ ในแง่ที่ประชาชนมองว่าพรรคการเมืองต่างๆ วนเวียนและอยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องความคิดอุดมการณ์ เมื่อถามว่ามีโอกาสจะฟื้นฟูกอบกู้พรรคได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ได้บอกว่าให้ทำตามฐานเสียงเสมอไป ปัญหาอยู่ที่ว่าเสียฐานเสียงด้วยเหตุผลอะไร และรับฟังได้จริงหรือไม่ อย่างที่บอกว่าไม่ได้มีความจำเป็นในการเสริมเสถียรภาพรัฐบาล หรือนโยบายที่จะเข้าไปผลักดันที่เป็นรูปธรรมคืออะไร จึงเป็นเรื่องยากลำบากที่จะกอบกู้ศรัทธากลับคืนมา เมื่อถามว่ามองว่าการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้พรรค ปชป.ได้อะไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้ตำแหน่ง สิ่งที่น่าเสียดายคือประเทศอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างมีปัญหาในเชิงโครงสร้างเยอะมาก ทั้งเรื่องขีดความสามารถทางการแข่งขัน ความเหลื่อมล้ำ สังคมสูงวัย และอีกหลายเรื่องที่ต้องการระบบการเมืองที่ดีเข้ามาจัดการ
แบ่งรับแบ่งสู้กลับมากอบกู้ฟื้นฟู

เมื่อถามว่าโอกาสที่นายอภิสิทธิ์จะกลับมา

กอบกู้พรรค ปชป.อีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า พูดไปแล้วว่าไม่คิดตั้งพรรค ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่ไหน แต่ตอนจะกลับมาประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นอุดมการณ์ประชาธิปัตย์แบบที่เข้าใจ และไม่มีใครทราบอนาคต การจะกอบกู้อะไรไม่ใช่เรื่องง่าย เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าแนวทางที่ผู้บริหารพรรค ปชป.ชุดปัจจุบันเชื่อ เป็นจริงหรือไม่ สำหรับตนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับการเติบโตด้วยวิธีแบบนี้ จึงอยู่ที่ผู้บริหารจะตัดสินใจอย่างไร ด้วยความที่อยู่กับพรรคมานานมาก และรู้จักกับทุกคนที่สนับสนุนเรื่องนี้ ยังเชื่อว่ามีคนจำนวนมากมีความผูกพัน ยังมีความรักความเป็นประชาธิปัตย์แบบที่เขาเคยรู้จัก วันข้างหน้าตนจะกลับมาตรงนั้นได้หรือไม่ เป็นโจทย์ที่ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้

ตอกเพื่อไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามย้ำว่ามองว่าพรรค ปชป.ขณะนี้ละทิ้งอุดมการณ์ไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยเขาบอกเองว่าประชาธิปัตย์วันนี้ไม่ใช่ประชาธิปัตย์วันก่อน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าอุดมการณ์คล้ายกันแล้วนั้น ก็ต้องถามพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นคนเขียนหนังสือเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาล ถ้าพรรคเพื่อไทยเขามองว่าพรรค ปชป.เปลี่ยนไปแล้ว ตนก็มองว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปลี่ยน ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ที่ประชาชนเคยออกไปต่อสู้ และหลายเรื่อง เป็นสิ่งที่ศาลพิพากษาแล้ว ก็ยังคงดำรงต่อไปเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยจนถึงปัจจุบัน

เพจ ปชป.เดือดต้องปิดคอมเมนต์

วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีรายงานว่าหลังที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคกับ สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทำให้มีแฟนคลับของพรรคจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อว่าผู้บริหารพรรคชุดนี้อย่างดุเดือด ในเพจเฟซบุ๊กพรรคประชาธิปัตย์ -Democrat Party, Thailand” โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา มีทั้งวิจารณ์ว่าพรรคไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีศักดิ์ศรี ขณะที่บางส่วนประกาศไม่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป การเลือกตั้งครั้งหน้าสูญพันธุ์แน่ ขณะเดียวกันมีบางส่วนที่ประกาศไล่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ออกจากพรรค จนต่อมาค่ำของวันที่ 30 ส.ค. ทางเพจเฟซบุ๊กพรรคประชาธิปัตย์ได้ปิดช่องแสดงความคิดเห็น ทำให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กไม่สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ และยังคงปิดต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้

จับโป๊ะ “เดชอิศม์” ยินดีกับตัวเอง

ขณะที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และของนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคฯ ยังไม่ปิดช่องคอมเมนต์ แต่ในเฟซบุ๊กของนายเดชอิศม์ ที่ใช้ชื่อว่า “นายเดชอิศม์ ขาวทอง นายกชาย” ได้โพสต์ภาพการประชุมกก.บห.และ สส.พรรคที่ผ่านมา และการแถลงข่าวเข้าร่วมรัฐบาล ปรากฏว่านายเดชอิศม์ได้เขียนในช่องคอมเมนต์ว่า “ยินดีกับท่านทั้งสองครับ มีเวลาที่จะทำงานให้กับประชาชนตามที่ได้รับมอบหมาย คิดได้ทำเป็น เดี๋ยวก็ดีเองครับ สู้ๆครับ เป็นกำลังใจเต็มร้อย”

“ราเมศ” เสียงแข็งโต้ “แพทองธาร”

นายราเมศ รัตนะเชวง อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวพาดพิงถึงอดีตผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตว่า หลายครั้งหลายคนในพรรคเพื่อไทยพยายามพาดพิงการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในอดีตของพรรค ปชป. ต้องตั้งคำถามกลับว่าอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. มีใครเคยติดคุกเคยโกงประเทศหรือไม่ มีหัวหน้าพรรคที่เป็นอดีตนายกฯต้องหนีคดีโกงชาติบ้านเมืองออกนอกประเทศบ้างหรือไม่ ผู้บริหารชุดปัจจุบันนำ ปชป.เข้าร่วมรัฐบาล แต่มีสมาชิก มีประชาชนที่มีความเห็นต่างไม่เห็นด้วย อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี บุคคลที่ยังรักและศรัทธาพรรคที่ยังยืนหยัด เขายังรักศักดิ์ศรีและคุณความดีในอดีตที่พรรคได้สร้างสะสมมา การจะมาว่ากล่าวทับถมอดีตคงไม่ถูกต้อง เพราะถ้ากล่าวถึงอดีต นับแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย พูดวันหนึ่งคงไม่จบ โดยเฉพาะเรื่องคดีทุจริตที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว “ต้องแยกพรรคประชาธิปัตย์กับมติให้ร่วมรัฐบาลออกจากกัน เพราะศักดิ์ศรีของพรรคทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่ได้จบตรงมติที่ให้ร่วมรัฐบาล ที่จะให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นประชาธิปัตย์ในอดีตได้ ขอให้นายกฯย้อนกลับไปดูอดีตพรรคของคุณจนถึงปัจจุบัน และอนาคตจะมาถึงเร็วๆนี้ ว่าจะมีจุดหมายปลายทางเป็นอย่างไร”

“วิสุทธิ์” มั่นใจงบฯ 68 ผ่านฉลุย

อีกเรื่องนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระ 2-3 วันที่ 3-4ก.ย.ว่าผ่านได้สบายอยู่แล้วไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนจะเป็นตัวชี้วัดเสียงของรัฐบาลได้หรือไม่นั้น น่าจะมองเห็นได้ชัดเจน เมื่อถามถึงกระแสข่าว สส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมาโหวตให้ฝั่งรัฐบาล นายวิสุทธิ์ตอบว่า ใช่ คาดว่าทั้งหมดไม่น่าต่ำกว่า 300 เสียง เมื่อถามว่าแต่อาจมีบางเสียงของพรรคประชาธิปัตย์โหวตสวนฝั่งรัฐบาล นายวิสุทธิ์ตอบว่า ไม่กังวล เป็นเอกสิทธิ์ของ สส.ไม่ว่ากัน ทั้งนี้ กรอบเวลาการพิจารณางบฯ พยายามให้การอภิปรายในวันที่ 3-4 ก.ย. จบภายในเวลา 22.00 น. ไม่ให้ดึกเกินไป เพื่อให้การอภิปรายของฝ่ายค้านและผู้ชี้แจงมีศักยภาพ ยืนยันว่าจะทําให้จบภายในวันที่ 5 ก.ย.นี้

ชูเสียงโหวตรัฐบาลเป็นปึกแผ่น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจเสียงโหวตของฝ่ายรัฐบาลต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 68 จะเป็นปึกแผ่น ความจริงในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการ เป็นการทำหน้าที่แบบไม่ยึดฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เพราะทุกคนต้องการให้การบริหารจัดการงบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุด ฝ่ายค้านที่อยู่ใน กมธ. มีข้อเสนอแนะอะไรที่เป็นประโยชน์ในที่ประชุมก็พร้อมพิจารณาให้ เมื่อถามว่า กังวลว่าจะบานปลายเป็นการอภิปรายรัฐบาลหรือไม่ นายอนุสรณ์ตอบว่า ประชาชนคงตัดสินใจได้ว่าการทำหน้าที่แต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร การจะย้อนกลับไปหาเหตุเพื่ออภิปรายรัฐบาล เชื่อว่าไม่ใช่บรรยากาศการทำงานที่สร้างสรรค์ แต่ย้ำว่าการทำหน้าที่ในชั้น กมธ.ไม่มีภาพของความขัดแย้ง แตกแยก หรือแบ่งฝ่าย

พท.หาเสียงเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก

ช่วงเช้าที่ จ.พิษณุโลก นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัคร สส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง จุดแรกเป็นชุมชน เมืองอรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนออกมาให้กำลังใจต่อเนื่อง นายอนุสรณ์กล่าวว่า ไปร่วมหาเสียงในหลายพื้นที่ ครั้งนี้แม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อม แต่กระแสความตื่นตัวของพี่น้องประชาชนถือว่าสูงมาก นายจเด็ศเป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่พี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกฝากความหวังในการเข้าไปเติมเสียงให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไปขับเคลื่อนผลักดันเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายเรือธง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาล ขอทุกเสียงของพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกเลือกนายจเด็ศ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...