“ประชาธิปัตย์” เปิดวอร์รูม ติดตาม เฝ้าระวัง รับแจ้งเหตุสถานการณ์น้ำท่วม “นราพัฒน์” ย้ำ ปชป. ทำงานได้ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ชี้ หากมีการเทียบเชิญร่วมรัฐบาล ต้องนำเข้าที่ประชุม กก.บห.
วันที่ 25 สิงหาคม 2567 นายสมบัติ ยะสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคเหนือ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค ดูแล กทม. นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ และ ดร.เจนจิรา รัตนเพียร รองโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ ในการสนับสนุนของมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ปราโมช
นายสมบัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนืออย่างใกล้ชิด และทำหน้าที่เป็นส่วนกลางคอยสนับสนุนเพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าช่วยเหลือให้ทันท่วงที โดยให้อาสาของพรรคในทุกพื้นที่แจ้งข่าวและแจ้งประสานขอความช่วยเหลือมายังพรรค ซึ่งขณะนี้พบว่ามี 4 จังหวัดกำลังประสบอุทกภัยอย่างหนัก โดยในวันอังคารที่ 28 สิงหาคมนี้ ตนในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ จะลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ จะลงพื้นที่จังหวัดน่าน และทำงานร่วมกับอาสาของพรรค
“พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้นิ่งดูดาย เราได้ติดตามสถานการณ์ภาคเหนือมาโดยตลอด พวกเรายังเป็นที่พึ่ง และทำงานเกาะติดใกล้ชิดพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองในการทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน”
...
ทางด้านนายนราพัฒน์ กล่าวเสริมว่า ในขณะนี้มวลน้ำได้อยู่ทางตอนบนของภาคเหนือตอนบน และในอีกระยะจะเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ทางพรรคได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพื่อติดตามสถานการณ์ และจัดสรรถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น ขณะเดียวกันพบว่าขณะนี้ในพื้นที่อุทกภัยจะมีความสับสน ทำให้การติดต่อหน่วยงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้ทางพรรคได้รับการติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนว่ายังไม่มีหน่วยงานเข้าดูแลช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งอยู่ในการดูแลของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ เป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมกับมีการจัดทำแพลตฟอร์มเพื่อรับแจ้งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน (แจ้งความเดือดร้อนน้ำท่วม) เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ทั้ง สส. และอดีต สส.ของพรรค ตลอดจนเครือข่ายของพรรค ประธานสาขาของพรรค และอาสาของพรรค ได้เข้าไปดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้มีกลิ่นคล้ายกับน้ำท่วมปี 2554 ที่เริ่มต้นในลักษณะเดียวกัน คือมีฝนตกหนักทางตอนเหนือของประเทศ และมวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่อ่าวไทย แต่วันนี้ก่อนที่มวลน้ำจะเข้าสู่ภาคกลาง และอาจเป็น กทม. พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เปิดระบบติดตามวิกฤติน้ำท่วม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ เพราะจะพบว่าปัญหาน้ำท่วมคนจะช่วยตอนน้ำขึ้น แต่ความจริงแล้วหลังจากน้ำลด ปัญหาจะหนักกว่าเยอะ เนื่องจากบ้านเรือนเสียหาย ประชาชนทำมาหากินลำบาก เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชน โดยท่านสามารถเข้ามาในระบบของพรรค ท่านเดือดร้อนตรงไหน เราจะรวบรวมเพื่อส่งให้พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เข้าไปดูแลและทำหน้าที่ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ เราจะขอเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการดูแล เยียวยา ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้
“หากฝนตกมากกว่าที่พยากรณ์และมีพายุซ้ำเติม จะทำให้แม่น้ำเจ้าพระยารับเละ ถ้าเกิดจะประทังก็จะไปตายที่อยุธยา กลายเป็นว่าคนอยุธยาต้องไปรับเคราะห์แทนคนกรุงเทพฯ มันก็ไม่แฟร์ วันนี้ถ้าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม จัดการน้ำให้ได้ตั้งแต่ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนกลางให้เรียบร้อย มาถึงตรงนี้ก็จะบรรเทาลงไปได้ แต่วันนี้จะเห็นว่าการรับมือสถานการณ์ตั้งแต่เชียงราย มาถึงน่าน ยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะชาวบ้านได้รับความเสียหายหนัก และยังไม่มีการประเมินข้อเท็จจริง เพราะการมาบอกว่าไม่เหมือนกัน ไหนตัวเลข การประเมินบอกว่าเอาอยู่ ไหนตัวเลข ที่จริงแล้วเรื่องน้ำก็คือเรื่องคณิตศาสตร์ ถ้าวันนี้เราพอบอกได้ว่ามีมวลน้ำอยู่แค่ไหน การจัดการของกระทรวงเกษตรฯ ทำอย่างไร เราพอจะประเมินได้ ยิ่งกว่านั้นปี 54 สถานการณ์โลกร้อน น้ำทะเลหนุนยังไม่เท่าปีนี้ ผมห่วงเหลือเกิน ปีนี้เพิ่งเดือนสิงหาฯ ยังไม่กันยาฯ แต่ที่น่ากลัวคือตุลาคม ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ถ้าน้ำทะเลหนุนแม่น้ำเจ้าพระยา ผมว่าสถานการณ์นี้เราประมาทไม่ได้”
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุเสริมว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย และส่งแรงใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกท่าน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติอุทกภัยในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี พวกเราพร้อมเคียงข้าง สุขทุกข์ไม่ทิ้งกัน
อย่างไรก็ตาม นายนราพัฒน์ ยังได้กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ยังไม่มีการเชิญประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค อีกทั้งการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ตามข้อบังคับพรรคได้กำหนดไว้แล้วชัดเจนว่า หากมีเทียบเชิญหรือมีข้อเสนอจะต้องนำเข้าสู่กรรมการบริหารพรรคในการประชุมร่วม พร้อมยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานได้ในฐานะฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งจะต้องนำมาหารือกันว่า หากเป็นฝ่ายค้านจะทำประโยชน์อะไรให้กับประชาชน และถ้าร่วมรัฐบาลจะทำประโยชน์ให้ประชาชนได้อย่างไร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีการถกแถลงเวลาตัดสินใจเรื่องสำคัญ ไม่มีใครสามารถตัดสินใจคนเดียวได้.
