“สุดาวรรณ” รมว.ท่องเที่ยว แจงอุตสาหกรรมบริการและท่องเที่ยว ชี้ ธุรกิจสีเทาต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่าเหมารวมเป็นเรื่องไม่ดีไปหมด ด้าน “ธรรมนัส” รมว.เกษตรฯ น้อมรับข้อมูลไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้เกษตรกร
เมื่อเวลาประมาณ 22.35 น. วันที่ 11 กันยายน 2566 น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอชี้แจงในการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมภาคบริการและการท่องเที่ยว เป็นที่มาของข้อเสนอแนะที่ดีจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งหลายข้อเสนอแนะอยู่ในกระบวนการแก้ไข แต่บางส่วนอาจยังติดปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องใช้เวลาเพื่อความรอบคอบ ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลเริ่มเข้ามาทำงาน มั่นใจว่าทุกข้อเสนอแนะและทุกปัญหาจะถูกแก้ไขอย่างเป็นระบบ และดำเนินการเชิงรุกเพื่อสร้างรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว
“เรื่องข้อกังวลธุรกิจสีเทา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านลบของประเทศ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่จะมีการลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบ ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย กับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน โดยบริหารจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ”
...
อย่าเหมานักท่องเที่ยวทั้งหมดเข้ามาทำธุรกิจแย่งคนไทย
ส่วนประเด็นอภิปรายว่า การยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว จะทำให้คนไทยเสียโอกาสในการทำธุรกิจ ประเทศจะเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา มีคนไม่ดีเข้ามาแย่งงาน น.ส.สุดาวรรณ ชี้แจงว่า ธุรกิจและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภทเป็นเรื่องที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ขณะที่เรื่องนักท่องเที่ยวจีนกว่า 2.23 ล้านคน ที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2566 สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท จึงไม่ควรเหมาว่าทั้งหมดนั้นเข้ามาทำธุรกิจแย่งคนไทย หรือทำธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมด แต่หากพบว่ามีการกระทำผิด จะต้องใช้กฎหมายดำเนินการอย่างเด็ดขาด
อีกทั้งในความเป็นจริงการที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น จะสามารถเพิ่มหลายโอกาสให้กับไทย รวมถึงเมืองรองอื่นๆ ที่จะเติบโตไปด้วยกัน โอกาสที่เศรษฐกิจและการเงินจะเคลื่อนที่เร็วที่สุดมาจากภาคอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว ดังนั้น กรณีที่มีคนไม่ดีเข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีมาตราการกวดขัน ปราบปราม โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ มีศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง รวมถึงแอปพลิเคชันเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขอความช่วยเหลือและแจ้งข้อมูลตำรวจท่องเที่ยวได้ จึงทำให้การช่วยเหลือ จับกุม ตรวจตรา และการป้องกันปราบปรามนักท่องเที่ยวไม่ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน
สำหรับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ จ.เชียงใหม่ เป็นปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภายในและนอกประเทศ อยู่ในแผนงานที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไปแล้วว่าจะต้องแก้ไข การนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น คิดว่าจะเป็นการเสียโอกาสการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและมิติอื่นๆ ที่เป็นจุดแข็งของเชียงใหม่ และสุดท้ายเรื่องรายได้จากนักท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท รัฐบาลหมายถึงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น เพิ่มจาก 1.9 ล้านล้านบาท ในปี 2562 ที่เป็นจุดพีกก่อนเข้าสู่ช่วงโควิด-19
“ปัญหาต่างๆ ที่ได้กล่าวมา ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะขอทำงานเชิงรุก บูรณาการกับทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยว นำมาซึ่งความยั่งยืน ทั้งในเชิงคุณภาพและเศรษฐกิจ”
ธรรมนัส น้อมรับข้อมูลเป็นแนวทางแก้ปัญหาเกษตร
ต่อมาในเวลา 23.28 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกรัฐสภาที่ให้ความสนใจพี่น้องภาคการเกษตร นั่งฟังมาตั้งแต่เช้าจนถึง นายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รวมถึง สส.อีกหลายพรรคการเมือง พูดถึงปัญหาของพี่น้องเกษตรกร ข้อมูลที่มีความสงสัยว่านโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาวันนี้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ ตนในฐานะที่อยู่กระทรวงนี้มาตั้งแต่ปี 2562 ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัญหาภาคการเกษตรถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นปัญหาของพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่
ดังนั้น ข้อมูลจากเพื่อสมาชิกถือเป็นประโยชน์ต่อกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะข้อมูลจาก นายณรงค์เดช ขอบคุณข้อมูลทุกอย่างที่นำเสนอ และในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ พร้อมกับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คน จะนำข้อมูลมาเป็นแนวทางในการบริหาร กำหนดนโยบาย และจะนำนโยบายของรัฐบาลไปมอบข้าราชการทุกกรมของกระทรวงเกษตรฯ หลังจากแถลงนโยบายแล้ว
“อยากกราบเรียนว่า สิ่งที่ท่านนำเสนอวันนี้ ผมถือว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรไทย และผมเชื่อว่าข้อมูลใหม่ๆ และเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ท่านนำเสนอ ก็จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรต่อไป กระผมในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องขอขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนสมาชิกทุกท่านจากใจจริง”
ต่อมา 00.04 น. ของวันที่ 12 กันยายน 2566 ร.อ.ธรรมนัส ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้ง โดยขอบคุณข้อมูลจากสมาชิกที่มีการอภิปรายเพิ่ม ซึ่งตนเองและ รมช.เกษตรฯ หารือร่วมกันว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และไม่ใช่นโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นการประมวลออกมาจนกลายมาเป็นนโยบายของพี่น้องประชาชน โดยเมื่อต้นปี 2564 จากสมัยที่แล้วได้มีการยื่นญัตติด่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำจากวิกฤติภัยแล้ง จากนั้นสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีตนเป็นประธาน เพื่อนสมาชิกขณะนั้นมีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ศึกษาทั้ง 22 ลุ่มน้ำ ตนมีความเชื่อมั่นว่า ข้อมูลที่ร่วมกันศึกษาจะเป็นแนวทางในการบริการจัดการน้ำต่อไป
ส่วนเรื่องหนี้สินเกษตรกร เป็นเรื่องที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องให้ข้อมูลกับกระทรวงการคลัง โดยในเรื่องธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกสมาชิกพูดถึง การลงพื้นที่ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่อง ธ.ก.ส.จริง แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีในฐานะที่กำกับกระทรวงการคลังจะนำไปแก้ไข ดังนั้น ข้อมูลในวันนี้ซึ่งเป็นประโยชน์ ก็จะนำไปเป็นส่วนที่จะไปบริหารจัดการในกระทรวงต่อไป.