‘รัสเซีย’ มองเกมผิดตรงไหน เปลี่ยนรุกเป็นรับ ‘ยูเครน’ โจมตีคูร์สก ยับเยิน

ช่วงก่อนกองทัพยูเครน จะบุกข้ามพรมแดนภูมิภาคคูร์สก ทางตะวันตกของรัสเซีย ไม่มีสัญญาณใดๆจากมอสโกว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น หรือเพียงเพราะชะล่าใจ

หากย้อนกลับไปดูสถานการณ์ภายในรัสเซีย ในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 6 สิงหาคม กระทรวงกลาโหมรัสเซียโพสต์ข่าวดีทางโซเชียลว่า เจ้าหน้าที่ทหารที่รับผิดชอบในการยึดเมืองตะวันออกของยูเครน จำนวนกว่า 2,500 นาย จะได้รับรางวัลทหารกล้าหาญ

เช้าวันนั้น “ยูเครนเริ่มรุกรานรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุด” ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่คลิปวิดีโอภาพพลเอกวาเลรี เกราซิมอฟ ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเขตสู้รบพื้นที่หนึ่งในยูเครน พร้อมสั่งให้ดำเนินภารกิจเพิ่ม

แม้ฟุตเทจไม่ได้ระบุเวลาชัดเจนในการเยือนของผู้บัญชาการกองทัพรัสเซีย แต่ภาพที่เห็น เขาไม่ได้แสดงความกังวลใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในภูมิภาคคูร์สก ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งอาจเป็นจุดพลิกผันสงครามรัสเซีย - ยูเครน ที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปีครึ่ง

กระแสความตื่นกลัวได้แพร่กระจายในหมู่ชาวรัสเซียอย่างรวดเร็วในช่วงเช้าวันเดียวกันนั้น แม้ทางการรัสเซียจะพยายามบอกซ้ำๆ เพื่อให้ความมั่นใจชาวรัสเซียว่า ทุกอย่างควบคุมได้

ความคิดที่ว่า “ยูเครนสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาชนะรัสเซีย” และบุกยึดดินแดนเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่ามากนั้นดูเป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่คาดการณ์มาก่อน

ปฏิบัติการดังกล่าวสร้างความช็อก และเกิดคำถามเกี่ยวกับหน่วยข่าวทางการทหารของรัสเซียที่เฝ้าระวังสถานการณ์  ตลอดจนการวางแนวกำลังทหาร ตั้งป้อมปราการที่ดูจะแข็งแรงในพื้นที่ชายแดนนั้น มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่

เป้าหมายของยูเครนในคูร์สกคือ "การเบนความสนใจของกองทัพรัสเซียที่วางกำลังอยู่แนวหน้าในภูมิภาคโดเนตสค์ มายังคูร์สก"

ในทางกลับกัน การสู้รบได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในภูมิภาคนี้ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา และสร้างความเสี่ยงให้ยูเครนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความพยายามยึดพื้นที่ในคูร์สก แต่ผลกลับออกมาดี

กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 สิงหาคม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเกราซิมอฟ ได้กล่าวสุนทรพจน์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โดนโจมตีในคูร์สก โดยปูตินระบุว่า “เป็นการยั่วยุครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งจากยูเครน”

มิเชล นักวิเคราะห์ทางการทหารกล่าวว่า ไม่มีข้อมูลชี้ว่าเกราซิมอฟได้รับรายงานผิดพลาดจากทหารในพื้นที่หรือไม่ หรือเขาถูกบังคับให้ปูตินต้องบอกข่าวดีต่อสาธารณะชนทางโทรทัศน์

 

ประกาศให้ประชาชนออกจากพื้นที่

กระทรวงกลาโหมรัสเซียใช้เวลานานเกือบ 12 ชั่วโมง นับตั้งแต่ยูเครนบุกรุก เมื่อเวลา 5.30 น.ของวันที่ 6 สิงหาคม และกว่าจะยอมรับต่อสาธารณะได้ว่ายูเครนได้โจมตีชายแดนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังฝ่าแนวชายแดนเข้ามาในรัสเซียได้อีก

แม้ว่า เทเลกราฟได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับขีปนาวุธ เมื่อเวลา 01.51 น. และ 03.11 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 6 สิงหาคม โดยเรียกร้องให้ประชาชนหาที่หลบภัย   ในเวลาถัดมา 03.15 น. ได้มีรายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ได้ทำลายโดรนยูเครนที่บุกรุกเข้ามา 3 ลำ และเมื่อเวลา 06.16 น. โดรนอีก 11 ลำก็ถูกยิงทำลายเช่นกัน

นับตั้งแต่วันนั้น ภูมิภาคทั้งสองฝั่งชายแดนได้โจมตีระหว่างกันด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างต่อเนื่อง มากกว่าเป็นเรื่องปกติในช่วง 10 วันที่ผ่านมา โดยเป้าหมายการโจมตีอยู่ที่คลังน้ำมัน สถานีผลิตไฟฟ้า ซึ่งตามรายงานของกองทัพยูเครนระบุว่า คลังเก็บอาวุธ และอุปกรณ์ทางทหารก็ถูกโจมตีด้วย

มีโพสต์จำนวนมากบน Native Sudzhu แพลตฟอร์มชุมชนบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งไม่ระบุที่มาชัดเจนว่ามาจากแหล่งข่าวที่เป็นทางการหรือไม่ได้ “แนะนำให้ประชาชนออกจากเมือง”

นอกจากนี้ Two Majors ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1ล้านคนทางเทเลกราฟ ได้รายงานว่ามีศัตรู (ยูเครน) รุกล้ำเข้ามาในเขตรัสเซียแล้ว 300 เมตร และกำลังถูกทำลาย

 

ใครเป็นผู้รับผิดชอบ ผลโดนโจมตีกลับ

ในการป้องกันชายแดนรัสเซียมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือทหารคุ้มครองชายแดน กองกำลังชายแดนของ FSB และกองกำลังป้องกันประเทศรัสเซีย ซึ่งอเล็กเซ สเมอร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการภูมิภาคคูร์สกกล่าวว่า หน่วยงานเหล่านี้ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

“สถานการณ์ชายแดนยังคงยากลำบาก แต่กองกำลังป้องกันรัสเซียประสบความสำเร็จในการทำลายล้างศัตรู” ผู้ว่าสเมอร์นอฟกล่าวเป็นนัย

เมื่อเวลา 17.05 น. กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวถึงการรุกคืบดังกล่าวเป็นครั้งแรกและกล่าวว่ารัสเซียได้สั่งเคลื่อนกองกำลังเพื่อไปป้องกันพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

กองกำลังคุ้มครองชายแดน พร้อมด้วยกองกำลังชายแดนของ FSB ของรัสเซียกำลังขับไล่การโจมตีและยิงถล่มศัตรูในพื้นที่ในเขตภูมิภาคคูร์สกของรัสเซีย  และพื้นที่ในเขตภูมิภาคซูมีของยูเครน

โดยที่เกราซอฟ และประธานาธิบดีปูตินแถลงเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมว่า ปฏิบัติการจะจบลงด้วยการทำลายศัตรู และกองทัพรัสเซียจะบุกไปยังพรมแดนฝ่ายตรงข้าม

จากนั้นสิบวันต่อมา ปรากฏว่า ชาวรัสเซียมากกว่า 1 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่ยูเครนได้อ้างสิทธิ์ในการควบคุมพื้นที่กว่า 1,000 ตารางกิโลเมตร ของภูมิภาคคูร์สก โดยที่กองกำลังมอสโกยังคงห่างไกลเป้าหมายที่ผู้นำรัสเซียประกาศไว้

 

 

อ้างอิง : Reuters

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...