พรรคร่วมเคาะชื่อเดียว เปิดศึกประชาชน ซ่อมพิษณุโลก บี้พท.-พปชร.ไปคุยกันเอง

“วัชรพล” ไม่หนักใจเดินหน้าสอย 44 สส.ก้าวไกล ให้ความเป็นธรรมสู้คดีเต็มที่ “นครินทร์” นิ่งสงบหลังศาล รธน.ถูกสังคมจับตา “วรงค์” ดี๊ด๊า ชง กกต.สอบยุบพรรคประชาชน “ณัฐวุฒิ” โต้ทำ ทุกอย่างถูกต้องไร้กังวล เผย ป.ป.ช.เรียกอดีตงูเห่า ไปให้ข้อมูล ปชช.แจงยอดสมัครสมาชิก 3 วันทะลุ 5 หมื่นชื่อ-บริจาค 25 ล. “พิธา” แจงเดอะการ์เดียน ตอกย้ำระบบกฎหมาย-รัฐประหารถูกใช้เป็นเครื่องมือ ชี้พรรคประชาชนมีโอกาสถูกไล่ล่ากำจัด ขอแนวร่วมเข้าคูหาดีกว่าลงถนน “ไม่มีใครหยุดยั้งฤดูใบไม้ผลิได้” เคาะชื่อ “โฟล์ค” นักธุรกิจหนุ่มลงซ่อม สส.พิษณุโลก “อนุทิน” ส่งชื่อ “ภราดร” นั่งรองประธานสภาฯ

คนที่ 1 “พิเชษฐ์” พอใจที่เก้าอี้ตัวเดิม “ภูมิธรรม” เรียก แกนนำพรรคร่วมถกเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เดินหน้าสอบ 44 สส.ก้าวไกล ร่วมวงแก้ไข ม.112 ยันไม่กดดัน พร้อมให้ความเป็นธรรมในการไต่สวนต่อสู้คดี ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษา พรรคไทยภักดี จ่อชงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบยุบพรรคประชาชน วันที่ 14 ส.ค.นี้

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ

...

ป.ป.ช.เดินหน้าสอบ 44 สส.ก.ก.

เมื่อเวลา 06.40 น. วันที่ 12 ส.ค. ที่ท้องสนามหลวง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาคดี 44 สส. อดีตพรรค ก้าวไกล ที่ลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมให้มีการไต่สวน ให้ปากคำชี้แจงไป เป็นเรื่องของมาตรฐานจริยธรรม ทาง ป.ป.ช.จะยื่นต่อศาลฎีกาโดยตรง จากนั้นศาลฎีกาจะดำเนินการไต่สวน ไม่เป็นห่วงคดีดังกล่าวทุกอย่าง เป็นไปตามกฎหมาย และข้อเท็จจริง ยืนยัน ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรม ส่วนการเรียก 44 สส.มาชี้แจงคิดว่าคงไม่ช้า เมื่อถามว่า ไม่รู้สึกกดดันหรือไม่ พล.ต.อ. วัชรพลตอบว่า ไม่กดดัน เรามีหน้าที่ก็ทำไป ข้อสำคัญ ทำแล้วต้องตอบได้ในกระบวนการไต่สวนเพื่อให้ความ เป็นธรรม เมื่อถามว่าจะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาได้เมื่อใด พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า ไม่สามารถตอบได้ เป็นเรื่องของสำนักไต่สวน ป.ป.ช. แต่คาดว่าไม่น่าทันช่วงที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ เนื่องจากจะหมดวาระลงในอีก 4 สัปดาห์ข้างหน้า

“นครินทร์” นิ่งสงบถูกสังคมจับตา

ด้านนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาล รัฐธรรมนูญ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กรณีสังคมจับจ้องการที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค. ผู้สื่อข่าวพยายามถามย้ำ ว่า ในช่วงเดือน ส.ค.นี้มีหลายคดีที่ถูกจับจ้องใน คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลรัฐธรรมนูญได้เพียงพยักหน้ารับ และกล่าวสั้นๆว่า “ครับ” เมื่อ ถามต่อว่า รู้สึกกดดันหรือไม่ที่มีนิสิตนักศึกษาออกมา เคลื่อนไหวกดดันองค์คณะตุลาการฯ ที่มีการสอนนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นายนครินทร์ปฏิเสธ การตอบคำถามก่อนเดินทางกลับในทันที

ดี๊ด๊าชง กกต.สอบ “ถิ่นกาขาว”

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรค ไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลังออกมาเปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีสาขาพรรคแค่ 2 ภาค ไม่ครบ 4 ภาค มีความเสี่ยง จะถูกยุบ มีผลทำให้พรรคประชาชนมีโอกาสสิ้นสภาพ ความเป็นพรรคการเมือง ต่อมา คนของพรรคประชาชน ออกมาตอบโต้ว่าไม่อัปเดตข้อมูล และยืนยันว่ามีสาขา พรรคครบทั้ง 4 ภาค และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า 1 สัปดาห์ ก่อนมีการประชุมจัดตั้งจนครบ ประเด็นที่ต้องตรวจสอบคือเราไม่ได้ตรวจสอบตอนปัจจุบัน แต่ย้อนหลังคุณอาจมีไม่ครบ กกต.ต้องตรวจสอบการมีสาขาย้อนหลังของพรรคนี้ ไปจนถึงวันที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับ คือต้องตรวจสอบไปถึงปี 2560 เพราะเลขาธิการ กกต.ออกมายอมรับเองว่าเพิ่งมีการจัดตั้งจนครบ

ย้ำจัดตั้งสาขาไม่ครบทั้ง 4 ภาค

นพ.วรงค์ระบุอีกว่า หากพรรคการเมืองไปเซ้ง พรรคที่สิ้นสภาพ เพราะมีสาขาไม่ครบ 4 ภาคติดต่อกัน 1 ปี พรรคนี้จะต้องสิ้นสภาพตามหรือไม่ พรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อความโปร่งใส พรรคไทยภักดีจะไปยื่นให้ กกต.ตรวจสอบการมีสาขาของ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล จากระบบฐานข้อมูลพรรค การเมืองย้อนหลัง ในวันที่ 14 ส.ค. ที่สำนักงาน กกต.

“ณัฐวุฒิ” โต้ทำทุกอย่างถูกต้อง

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคประชาชน (ปชช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เตรียมยื่น กกต.ตรวจสอบพรรค ถิ่นกาขาวชาววิไลย้อนหลัง ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ว่า ถือเป็นสิทธิแต่เราตรวจสอบมาก่อนแล้ว ยืนยันมีสาขาพรรคต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปี 2560 ไม่มีประเด็นอะไรน่าห่วงกังวล กกต.คงจะตอบได้ว่า เรื่องนี้ครบถ้วนสมบูรณ์มาตลอด รอบนี้คงไม่ใช่เป็นประเด็นยุบพรรค แต่คงเป็นประเด็นเรื่องตรวจสอบองค์ประกอบความเป็นพรรค คงไม่ก้าวล่วง ไม่รู้เจตนา นพ.วรงค์ แต่คิดว่าในความเป็นจริงเราก็รู้ว่าในภาพใหญ่กระบวนการยุบพรรคไม่ควรเกิดขึ้น

เฟ้นคนลงชิงรองประธานสภาฯ

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนการเสนอชื่อคนลงชิง ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ถือเป็นความชอบธรรมในฐานะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในสภา รอบนี้คงไม่ได้แค่การส่งในเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการส่งเพื่อเข้าไปสานงานต่อจริงๆ แต่กระบวนการคัดเลือกยังไม่เสร็จ คาดว่าวันที่ 13 ส.ค. จะมีการประชุม สส. พรรคประชาชนประจำสัปดาห์ เพื่อหยิบยกชื่อขึ้นมา พิจารณาร่วมกัน ที่ได้รับข้อมูลและประสานงานมาคาดว่า จะมีการเลือกรองประธานสภาฯในวันที่ 14 ส.ค.นี้ เสียดายไม่สามารถลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯได้ เพราะติดเงื่อนไขเป็น กก.บห. นอกจากนี้ พรรคจะ พิจารณาว่าผู้ลงชิงสามารถหยิบประเด็นทำให้สภาทันสมัยขึ้น ตามวิสัยทัศน์ที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ เคยพูดไว้ เข้าใจว่ามีหลายคน เตรียมข้อมูลตรงนี้ไว้นำเสนอในที่ประชุม สส.แล้ว

ณัฐวุฒิ บัวประทุม

ป.ป.ช.เรียกอดีตงูเห่าไปให้ข้อมูล

นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงคดี 44 สส.ที่เข้าชื่อแก้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 ใน ป.ป.ช. มีข่าวว่า ป.ป.ช. ได้เรียกอดีต สส.งูเห่า พรรค ก.ก. ที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อไปชี้แจงแล้วว่า ทราบว่ามีการเชิญอดีต สส.กลุ่มดังกล่าวไปให้ข้อมูล คล้ายๆไปให้ข้อมูลประกอบเป็นพยานไว้ แต่กรณี 44 สส.เดิมเข้าใจว่าจะมีแค่ 1 คน ที่ไม่ได้อยู่กับพรรค ก.ก.แล้ว คือ นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ อดีต สส.กทม. พรรค ก.ก. เป็นคนเดียว ที่ไปแสดงตนขอให้ข้อมูลก่อนเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าโดยกระบวนการแล้วทาง ป.ป.ช.ได้รับ ข้อมูลตรงนั้นไว้หรือไม่ หรือรับไว้ในสถานะใด แต่สำหรับอีก 43 คนที่เหลือยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือเชิญไปให้ข้อมูล

3 วันทะลุ 5 หมื่นชื่อ-บริจาค 25 ล.

วันเดียวกัน เพจพรรคประชาชนโพสต์ข้อความระบุว่า หลังเปิดรับสมาชิกทางออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 ส.ค. และเปิดรับสมัครแบบใช้กระดาษ หรือ Offline ครั้งแรกในวันที่ 10 ส.ค. ประชาชนให้การตอบรับ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพรรคประชาชนผ่านการสมัครสมาชิกอย่างท่วมท้น ภายในเวลา 3 วัน เรามีสมาชิกใหม่แล้วถึง 5 หมื่นคน ทั้งทาง ออนไลน์และออฟไลน์ ส่วนยอดบริจาคเงินเพื่อสนับสนุน การทำงานของพรรค อยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาท และ ยังคงเดินหน้าต่อนับหนึ่งให้ถึงแสนภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ขอบคุณและยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกท่าน

“พิธา” ให้สัมภาษณ์เดอะการ์เดียน

ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ของอังกฤษ เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ให้ยุบพรรคก้าวไกลจากกรณีชูนโยบายหาเสียงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง นายพิธากล่าวว่า ประเทศ ไทยติดอยู่ในกับดักประชาธิปไตยที่ล็อก 2 ชั้น ระบบกฎหมายและการรัฐประหาร ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายผลการเลือกตั้ง แม้ สส.สังกัดพรรคก้าวไกลเดิม จะย้ายไปสังกัดพรรคประชาชนที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นใหม่ แต่ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกไล่ตามกำจัด ผ่านการใช้กฎหมายเพิ่มขึ้น โดยไม่มีการประนีประนอมหรือการสร้างฉันทามติระหว่างกัน ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหาษัตริย์ทรงเป็นประมุข หวังว่าผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกองทัพ หรือผู้ผูกขาดอำนาจ จะหยุดใช้สถาบันมาเป็นข้ออ้างในการรักษาความมั่งคั่งและอำนาจของตัวเอง เพราะความตั้งใจของพรรคคือต้องการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ผ่านการใช้กลไกรัฐสภาเป็นสื่อกลาง บนฐานของความเข้าใจร่วมกันอย่างโปร่งใส

ขอให้เข้าคูหาดีกว่าลงเดินถนน

นายพิธายังแสดงความกังวลต่อเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็นของประเทศไทยว่า เสรีภาพในปัจจุบันถือว่าแย่ลงกว่าในช่วงเหตุการณ์การประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ครั้งใหญ่ ของกลุ่มเยาวชนนับแต่ปี 2563 ขณะนั้นมีการจับกุมประชาชนอย่างน้อย 272 คน ในความผิดละเมิดกฎหมายมาตรา 112 หลังมีคำตัดสินยุบพรรคก้าวไกลได้สร้างความกระหายในความยุติธรรมให้แก่ประชาชน อยากให้ประชาชนนำเอาอารมณ์ความโกรธแค้นเหล่านี้ ไปแสดงเจตนารมณ์ในคูหาเลือกตั้งมากกว่าการชุมนุมประท้วงบนถนน เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดความรุนแรงต่อประชาชน และเสี่ยงเกิดรัฐประหารได้ มีโอกาสเกิดรัฐประหารในไทยได้เสมอ นับตั้งแต่ปี 2475 เรามีการรัฐประหารโดยทหารสำเร็จมาแล้ว 13 ครั้ง และพยายามก่อรัฐประหารแต่ไม่สำเร็จอีก 20 ครั้ง ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อราว 10 ปีก่อน รวมทั้งการใช้อำนาจศาลยังเป็นอีกทางหนึ่งในการรักษาอำนาจไว้เช่นกัน ตั้งแต่ปี 2549 พรรคก้าวไกลถือเป็นพรรคที่ 34 ที่ถูกศาลตัดสินยุบพรรคการเมือง

ไม่มีใครหยุดยั้งฤดูใบไม้ผลิได้

นายพิธากล่าวอีกว่า ยังมีความหวังว่าพรรคประชาชนจะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า ด้วยคะแนนที่มากกว่าพรรคก้าวไกลจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราคือผู้นำที่ไร้ข้อกังขาในประเทศไทย ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ โครงสร้างอำนาจเก่าเสี่ยงที่จะพังทลายลงจากภายใน เนื่องจากมีคนรุ่นใหม่ก้าวเข้ามาทำงานในแวดวงการเมือง ระบบกฎหมาย และกองทัพเพิ่มขึ้น แม้พรรคก้าวไกลจะถูกยุบและเกิดพรรคประชาชนขึ้นมา ก็อาจมีแผนกลยุทธ์ที่ต่างออกไป แต่อุดมการณ์ของเรายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “คุณอาจเด็ดดอกไม้ได้ แต่ไม่มีใครจะสามารถหยุดยั้งฤดูใบไม้ผลิได้”

ส่ง “โฟล์ค” นักธุรกิจหนุ่มลงซ่อม

ที่โรงแรมหัสนันท์ อ.เมืองพิษณุโลก มีการจัดประชุมสมาชิกพรรคประชาชน สาขาพิษณุโลก เพื่อจัดทำไพรมารีโหวตหาตัวแทนสมัครเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พิษณุโลก ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเลือกนายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ “โฟล์ค” อายุ 34 ปี นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเป็นตัวแทนลงสมัคร นายณฐชนนให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิแสดงพลังกันมากๆ เมื่อถามว่ามีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน นายณฐชนนตอบว่า มีการเตรียมตัวมาหลายปี เป็นคนพิษณุโลก โตที่นี่รู้ปัญหาดี มั่นใจว่า จะไม่ทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกผิดหวัง นอกจากนี้ขอให้ประชาชนร่วมกันจับตาการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะน่าจะมีนัยสำคัญ ไม่ใช่แค่หา สส.ใหม่ เราต้องการยืนยันให้ชัดว่าพรรคประชาชนเป็นพรรคที่คนไทยต้องการ

พท.ถก พปชร.ก่อนเคาะตัวผู้สมัคร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะยึดความพร้อมของผู้สมัครที่จะส่งลงเลือกตั้งซ่อมสส.พิษณุโลกเป็นหลัก เมื่อถามว่าต้องคุยกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้คะแนนเป็นลำดับที่สองในการเลือกตั้งที่ผ่านมาก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้พรรคร่วมรัฐบาลตัดคะแนนกันเอง นายสรวงศ์ตอบว่า ต้องพูดคุยกัน อาจเป็นในวิปรัฐบาล หรือในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ ย้ำเรื่องความพร้อมของผู้สมัครเพราะหากเราส่งไปแล้วก็อยากชนะ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานายปดิพัทธ์ได้กว่า 4 หมื่นคะแนน พรรคพลังประชารัฐได้ 1.9 หมื่นคะแนน และพรรคเพื่อไทยได้ 1.8 หมื่นคะแนน ต้องมาดูความพร้อมด้วยกัน

“หนู” ยันส่งชื่อ “ภราดร” นั่งรองฯหนึ่ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการนัดหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ที่เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหารือช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ว่า ไม่ได้ไปเนื่องจากติดภารกิจ มีนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคภท.ไป เมื่อถามว่ามีคุยเรื่องตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องนี้ในพรรคคุยกันแล้ว และเสนอชื่อนายภราดรไปแล้ว เมื่อถามว่าพรรคประชาชนยังคงยืนยันจะเสนอชื่อคนชิงตำแหน่งรองประธานฯ อ้างว่ามีเสียงมากที่สุดในสภา นายอนุทินตอบว่า เป็นไปตามกระบวนการของระบอบประชาธิปไตย ใครก็เสนอได้ เมื่อถามว่าวันนี้จะแจ้งในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ว่าจะเสนอชื่อนายภราดร นายอนุทินตอบว่า เวทีเย็นนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง คุยกันในเรื่องของกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ส่วนเรื่องรองประธานสภาฯเป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล

“พิเชษฐ์” พอใจขอนั่งเก้าอี้ตัวเดิม

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงโควตาตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 ของพรรค ภท.ว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องของวิปรัฐบาลที่จะหารือกันเป็นการภายใน ว่าจะให้ สส.พรรคไหนมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ส่วนตัวไม่ติดใจและไม่คิดว่าจะต้องขยับจากรองประธานสภาฯคนที่ 2 ไปนั่งเป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 การทำหน้าที่รองประธานสภาฯลำดับใดไม่ได้แตกต่างกัน ตำแหน่งนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯ หากลาออกแล้วกลับเข้าไปอีกอาจยุ่งยาก ส่วนตัวทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว ขอทำหน้าที่ในความรับผิดชอบตรงนี้ให้ดีที่สุด อยากทำงานที่นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรมอบหมาย เพื่อพัฒนางานฝ่ายนิติบัญญัติให้ต่อเนื่อง ครบวาระเมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันใหม่

“อ้วน” เรียกถกเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการนัดหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นการพูดคุยเรื่องกฎหมายเอนเตอร์เทน เมนต์คอมเพล็กซ์ เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรค รทสช.ในเรื่องนี้เป็นอย่างไร นายพีระพันธุ์ตอบว่า ยังเหมือนเดิม คือต้องดูข้อกฎหมายก่อน เมื่อถามว่าในฐานะนักกฎหมายมีอะไรเสนอแนะหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ต้องดูข้อกฎหมายก่อน ผู้สื่อข่าวถามถึงการเสนอชื่อปรับ ครม. พรรค รทสช.ยังคงเป็นนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคหรือไม่ และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ยังอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายพีระพันธุ์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันที่ 12 ส.ค.2567

“มนพร” แจงนัดแกนนำพรรคร่วม

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม วิปรัฐบาล การนัดหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นเรื่องปกติ ที่เลือกเป็นวันหยุดนี้เนื่องจากรัฐมนตรีหลายคนว่างตรงกัน และเป็นวันหยุดราชการ เท่าที่ทราบในวงประชุมจะไม่มีการหารือเรื่องการปรับ ครม. แต่เห็นว่าจะมีการหารือในเรื่องของกฎหมายต่างๆเท่านั้น

แกนนำพรรคร่วมตบเท้าพร้อมหน้า

ต่อมา เวลา 16.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มีแกนนำพรรคร่วมเข้าร่วมพร้อมเพรียง อาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. นายภราดร ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค ภท. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร.

คุยกันสองเรื่องไม่มีกาสิโนเสรี

นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมไม่ได้หาเรื่องร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร แต่เป็นการหารือร่วมกันของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จากกรณีพรรคก้าวไกลถูกศาล รัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคใน 2 เรื่อง คือ การส่งผู้สมัคร รับเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคร่วม มีแนวโน้มจะส่งเพียงพรรคเดียว ที่ประชุมให้ทั้ง 2 พรรค คือพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย ไปตกลงกัน อีกเรื่องคือตำแหน่งรองประธานสภาฯ ที่ประชุมได้สอบถามประเด็นดังกล่าวกับพรรคภูมิใจไทย ที่ระบุว่าอยากขอตำแหน่งดังกล่าว เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้หารือกันภายใน ที่ประชุมจึงให้ 2 พรรคไปคุยกันให้ได้บทสรุปก่อนวันที่ 14 ส.ค.

อ้างผ่าน ครม.แล้วว่าไปตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมไม่มีการหารือเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่มีการหยิบยกประเด็นอื่นขึ้นมา เรื่องนี้รัฐบาล รับเข้ากระบวนการแล้ว อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ เมื่อเสร็จแล้วต้องส่งให้กฤษฎีกานำเข้าสู่ ครม. และส่งสภาพิจารณาต่อไป แต่เรื่องนี้มีการตกลงกันในพรรค ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว อาจต้องมาคุยในที่ประชุมพรรคร่วม อีกครั้ง เมื่อถามย้ำว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยกับ เรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน เมื่อที่ประชุม ครม.เคยผ่านมาแล้วก็เห็นไปตามนั้น เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าการทำประชา พิจารณ์ไม่เพียงพอ ต้องเป็นการทำประชามติ นายภูมิธรรม ตอบว่า เรายังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ให้ทุกอย่างเป็นไป ตามกฎหมาย

ปลอบพรรคร่วมไม่กังวลคดีนายกฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ กล่าวอีกว่าระหว่างหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล มีการพูดคุยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ สิ้นสุดลงหรือไม่ว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ไม่ได้มีความกังวลใดๆ นายกฯให้พรรคร่วมรัฐบาลสบายใจและให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่กังวลอะไรเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล ให้กระบวนการยุติธรรมทำไปตามหน้าที่

“เอกนัฏ” อารมณ์ดีพร้อมนั่ง รมต.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวถึงกรณีมีชื่อจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีหากมีการปรับ ครม.ครั้งต่อไปว่า วันนี้ไม่ได้มีการพูดคุย เรื่องนี้ แต่เป็นกระบวนการที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐ วิภาค รองนายกฯ หัวหน้าพรรค รทสช. ต้องไปพูดคุย เมื่อถามต่อว่าพร้อมเป็นรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายเอกนัฏถึงกับหัวเราะอารมณ์ดี กล่าวว่า “พร้อมมา ตลอดอยู่แล้ว”

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

“จุลพันธ์” ฟุ้งดิจิทัลวอลเล็ตคืบหน้า

อีกเรื่อง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (โครงการดิจิทัลวอลเล็ต) ว่า รายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. รับทราบว่าอยู่ในช่วงที่ผูกกับเม็ดเงิน ดังนั้นต้องรอ แต่อาจมีบางรายละเอียดที่ต้องเสนอให้ ครม.รับทราบบ้าง ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอน สัปดาห์นี้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีความคืบหน้าตามลำดับ

“ชาญชัย “ฉะกรมศุลฯย่ำอยู่ที่เดิม

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชาญชัย อิสระเสนา รักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการติดตามการจัดเก็บรายได้และภาษีของกรมศุลกากร พบว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเจริญรุดหน้าแค่ไหน จีดีพีประเทศเติบโตขึ้นอย่างไร การนำเข้าสินค้าและส่งออกมากขึ้นแค่ไหน แต่การจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรยังคงรักษามาตรฐานเท่าเดิม คือเฉลี่ยรายได้ใกล้เคียงกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2557-2567) คืออยู่ระหว่าง 117,740-126,754 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกรมสรรพสามิต หรือกรมสรรพากร จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี และขณะนี้เกิดปัญหาผู้ประกอบการในประเทศร้องเรียนว่ามีการปล่อยให้นำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างชาติ อาทิ จีน เข้ามาตีตลาดทำลายเศรษฐกิจฐานรากของไทย การปล่อยให้สินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศเข้ามาขาย โดยไม่มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้เข้ามาตีตลาด SMEs ไทยจนเจ๊งปิดกิจการจำนวนมาก

นายกฯกำชับปกป้องธุรกิจคนไทย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งยกระดับการคุ้มครองผู้ประกอบการและผู้บริโภคไทย สกัดกั้นสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ละเมิดลิขสิทธิ์ และสินค้าผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้กับผู้บริโภค นอกเหนือจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้าที่ซื้อผ่านทางออนไลน์ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เริ่มตั้งแต่บาทแรก มาตรการกำกับมาตรฐานสินค้านำเข้าในรูปแบบออนไลน์ ศุลกากรจะตรวจสอบมาตรฐานสินค้า 10 อันดับแรกที่นำเข้าสูงสุด และการพิจารณากำกับแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ในไทย เช่น การกำหนดให้ต้องตั้งสำนักงานตัวแทนในไทย หรือการจดแจ้งประกอบธุรกิจ นายกฯสั่งการอย่างเคร่งครัดให้ควบคุมคุณภาพสินค้า ควบคุมผลประโยชน์ของชาติ ให้คนไทยได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบ และบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยไม่ละเว้น

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...