กลุ่มพีมูฟ บุกรัฐสภาในวันแถลงนโยบายรัฐบาล ยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ขอเร่งออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐ พร้อมยื่นข้อเสนอเชิงนโยบาย 9 ด้านถึง “หมออ๋อง-ธรรมนัส”
เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 11 กันยายน 2566 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.พรรคประชาชาติ และคณะ รับยื่นข้อเสนอด้านนโยบายการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ขอให้เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ. .... จาก นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ (P-Move) และคณะ โดยขอให้ยกเลิกคดีความที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง และให้มีการแต่งตั้งกลไกที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อพิจารณากลั่นกรองคดีที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชน คดีกลั่นแกล้ง และคดีฟ้องปิดปากประชาชน
เบื้องต้นขอให้เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการศึกษาและนำเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนฯ ลงวันที่ 16 มีนาคม 2566 โดยระหว่างรอการออกกฎหมายนี้ ให้มีการคุ้มครองชั่วคราวด้วยการชะลอการดำเนินคดีและการบังคับคดี เพื่อดำเนินการพิสูจน์สิทธิ์และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคดีที่ดินป่าไม้ ขอใช้ระบบไต่สวนและลูกขุนในการพิจารณาคดีแทนระบบกล่าวหา ในคดีที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและคดีที่เกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากร ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม
...
ทั้งนี้เพราะในการพิจารณาคดีและการค้นหาข้อเท็จจริงในคดีที่ดิน ทรัพยากร ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม ต้องไม่ใช้การพิจารณาหลักฐานทางราชการเท่านั้น แต่หากต้องวิเคราะห์จากหลักฐานทางด้านสังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา ชาติพันธุ์วิทยา ไปจนถึงวัฒนธรรมประเพณี ในการใช้ที่ดิน ทรัพยากร ป่าไม้ สิ่งแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ ส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมของประชาชน โดยให้ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558 และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.นี้ 10 ประเด็น เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของคนจน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น
นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง) ให้มารับข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งพรรคประชาชาติยินดีจะสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้
ต่อมา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ารับยื่นข้อเสนอเชิงนโยบาย 9 ด้าน จากกลุ่มพีมูฟ โดยมีเนื้อหาว่า ด้วยเครือข่ายภาคประชาชนได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาของรัฐ ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงในชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิด้านที่ดินที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การจัดการทรัพยากรป่าไม้และอื่นๆ ทั้งนี้ ช่วงรณรงค์การเลือกตั้งที่ผ่านมาทางกลุ่ม P-Move ได้จัดเวทีภาคประชาชนเสนอนโยบายต่อพรรคการเมืองขึ้น เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 เพื่อนำเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อพรรคการเมืองและสาธารณะเกี่ยวกับข้อเสนอเชิงนโยบาย ความไม่มั่นคงในชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิด้านที่ดินที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การจัดการทรัพยากรป่าไม้และอื่นๆ โดยเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้งมานำเสนอนโยบายแล้ว
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันนี้ เป็นไปตามนโยบายช่วงรณรงค์เลือกตั้ง อันเป็นสัญญาประชาคมต่อประชาชนทั้งประเทศ จึงเสนอข้อเสนอเชิงนโยบาย 9 ด้าน ประกอบด้วย
1. ด้านสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่มีบทบัญญัติกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในด้านต่างๆ ขอให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกกระบวนการทุกขั้นตอน
2. ด้านการกระจายอำนาจ ขอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง เพื่อปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
3. ด้านนโยบายการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ขอให้เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ
4. ด้านนโยบายที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมขอให้มีการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยผลักดัน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า
5. ด้านนโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ขอให้ยกเลิกนโยบายทวงคืนผืนป่าและแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพราะการดำเนินนโยบายดังกล่าวทำให้มีการละเมิด คุกคามชีวิตทรัพย์สินและส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่อาศัยและทำกินในที่ดินป่าทั่วประเทศ
6. ด้านการป้องกันภัยพิบัติ ขอให้มีคณะกรรมการส่งเสริมระบบการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน เพื่อลดความเสี่ยงของประชาชนในการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การช่วยเหลือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูเยียวยาหลังเกิดเหตุ
7. การคุ้มครองชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อชุมชนและชาติพันธุ์ในทุกๆ ด้าน ขอให้เร่งลงนามรับรองร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชุมชนกลุ่มชาติพันธ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. ....
8. ด้านสิทธิของคนไร้สถานะ แต่งตั้งกรรมการแก้ไขปัญหาสิทธิสถานะเป็นกรรมการกลางที่มีผู้ทรงคุณวุฒิมีภาคประชาชนที่มีประสบการณ์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน
9. ด้านนโยบายรัฐสวัสดิการ โดยเสนอนโยบายและสวัสดิการถ้วนหน้าจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ
ขณะเดียวกัน กลุ่ม P-Move หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ครม.ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะนำข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 9 ด้านมาประกอบการบริหารประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชน ดังปรากฏในคำแถลงนโยบายของ ครม.ชุดนี้ ที่ระบุว่า “รัฐบาลนี้ เราจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน รัฐบาลจะสร้างโอกาสและความเท่าเทียมให้กับประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนในอนาคต”
ส่วนกรณีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค มีนโยบายเปลี่ยน สปก. 4-01 ให้เป็นโฉนด ซึ่งที่ผ่านมา P-Move ได้ประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด เนื่องจากการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปที่ดินของเกษตรกรในอดีต เรียกร้องให้มีการกระจายที่ดิน อันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญยิ่งสู่เกษตรกรรายย่อย และรักษาที่ดินให้อยู่กับเกษตรกรตลอดไป โดยมิให้มีการนำไปเป็นสินค้าในระบบตลาดอันเป็นที่มาของปัญหาที่ดินหลุดมือและไปกระจุกตัวอยู่ในมือนายทุนที่มิใช่เกษตรกรรายย่อย ดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
จากนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นตัวแทนของประธานสภาผู้แทนราษฎรมารับข้อเสนอดังกล่าว และจะนำเรื่องนี้กราบเรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างเร่งด่วน โดยจะส่งให้พรรคการเมืองแต่ละพรรค และส่งให้คณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการต่อไป
ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส เผยหลังรับหนังสือว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายเดียวกับพี่น้องกลุ่ม P-Move มากกว่า ได้ช่วยเหลือพี่น้องเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทางสังคม อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้พี่น้องผิดหวัง จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมาย ด้วยความบริสุทธิ์เป็นธรรม และให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม.