“เสริมศักดิ์” ย้ำ เฉียบขาดคนทำผิด “อนุทิน” ยัน ไม่รังเกียจ แต่ใครทำผิดต้องไล่

“เสริมศักดิ์” รมว.ท่องเที่ยวฯ ย้ำ ต้องเฉียบขาด หากต่างชาติทำผิดถือว่าไม่เหมาะสม ด้าน “อนุทิน” กร้าว ไม่รังเกียจต่างชาติ แต่ใครทำผิดต้องไล่ไปจากประเทศ 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่า รัฐบาลเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้ที่จะเดินทางเข้ามา โดยกำชับว่าให้มีความรอบคอบมากขึ้น ขณะที่กรณีมีการฉวยโอกาสขึ้นป้ายทำธุรกิจผิดกฎหมาย นายเสริมศักดิ์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการจับกุมนักท่องเที่ยวที่ทำผิดกฎหมายหลายราย ซึ่งการเดินทางเข้ามาทำความผิดในประเทศไทยถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับคนกลุ่มนี้ 

ส่วนคำถามว่า เมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเอง นายเสริมศักดิ์ ระบุว่า ตนได้มอบนโยบายกับตำรวจท่องเที่ยวแล้ว และช่วงบ่ายวันนี้จะประชุมร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวอีกครั้ง ก็จะเน้นย้ำ เพราะนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงต้องใช้มาตรการป้องกันอย่างดีที่สุด โดยมีแนวทางเพิ่มอาสาสมัครตามหมู่บ้าน หรือในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่รัฐดูแลนักท่องเที่ยว

...

ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการปิดประกาศป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต และรับทำสัญชาติบางประเทศ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ว่า ตนสั่งกรมการปกครองให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดำเนินการติดตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องป้ายดังกล่าว การประกาศขายพาสปอร์ตไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น จากนี้จะขยายผลว่ามีเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่ เราต้องเร่งปราบปรามโดยใช้ความเป็นเจ้าพนักงาน 

“เรื่องนี้เป็นการทำเกินไป จึงสั่งปลดป้ายทันที ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น ผมตื่นขึ้นมาพอทราบข่าวก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที ซึ่งเขาทำไปก่อนแล้ว และทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง พอกระแสหายเรื่องก็จะเงียบใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า มันอยู่ที่ว่าเราเข้มงวดกวดขันแค่ไหน การกวดขันผับบาร์ต่างๆ ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง รวมถึงการกวดขันปราบปรามยาเสพติด ยืนยันเราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับตนมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้นก็ไปจัดการคนผิด และไล่ออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้องเราก็อำนวยความสะดวก ให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...