ไทยแอร์เอเชีย เปิดแนวรุกครึ่งปีหลัง ดัน 4-6 เส้นทางใหม่ สู่อินเดีย-อาเซียน

สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ฉายภาพว่า ธุรกิจของ “ไทยแอร์เอเชีย” ช่วงครึ่งแรกปี 2567 มีรายได้เติบโตตามเป้าหมาย หลังจากไฮซีซันไตรมาส 1 เติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาส 4 มีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เส้นทางในประเทศ 96% เส้นทางระหว่างประเทศมากกว่า 90% ส่วนในไตรมาส 2 เข้าสู่โลว์ซีซัน พบว่าอัตราการขนส่งผู้โดยสารเส้นทางในประเทศลดลงอยู่ที่ระดับมากกว่า 90% ขณะที่เส้นทางระหว่างประเทศใกล้เคียง 90%

“ปีนี้เป็นปีที่เราเห็นผลกระทบเรื่องซีซันการท่องเที่ยวชัดเจน ทำให้โลว์ซีซันไตรมาส 2-3 มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารย่อตัวลงมาบ้าง ทางผู้ประกอบการจึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วนในไตรมาส 3 เพื่อสร้างแรงส่งไปถึงปี 2568”

กำลังซื้อถดถอย โอกาสทำตลาดของ 'โลว์คอสต์' 

ด้านเศรษฐกิจในประเทศ แม้เผชิญปัญหา “กำลังซื้อถดถอย” แต่ประเมินว่าภาพรวมการแข่งขันระหว่างธุรกิจสายการบินจะยังไม่เห็นสงครามราคากลับมาในเร็วๆ นี้ เนื่องจากปัจจุบันสายการบินมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารค่อนข้างดี ถ้าจะมีการแข่งขันด้านราคา น่าจะเห็นในบางเส้นทางมากกว่า

“เมื่อเศรษฐกิจฐานรากมีปัญหา ภาคธุรกิจก็ต้องสู้ ต้องปรับตัวให้เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจ โดยในมุมของไทยแอร์เอเชียมองว่าพอคนมีกำลังซื้อน้อยลง ประหยัดมากขึ้น แต่ยังอยากเที่ยว นับเป็นโอกาสของสายการบินโลว์คอสต์ในการทำตลาด โดยในตอนนี้ไทยแอร์เอเชียไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวด้านยอดจองที่นั่งโดยสารอย่างมีนัยสำคัญจากทั้งตลาดเส้นทางในและระหว่างประเทศ”

รุกเปิด 4-6 เส้นทางบินใหม่ครึ่งปีหลัง ลุยอินเดีย-อาเซียน

สำหรับแนวโน้มธุรกิจ “ครึ่งปีหลัง” ของไทยแอร์เอเชีย เตรียมรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321neo อีกจำนวน 3 ลำ เพิ่มจากปัจจุบันมีฝูงบิน 57 ลำ ทำให้สิ้นปีนี้จะมีฝูงบินรวม 60 ลำตามแผน ยังน้อยกว่าปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดซึ่งมีฝูงบินรวม 63 ลำ หลังจากนั้นมีแผนทยอยรับมอบเครื่องบินอีกปีละ 4-6 ลำ

“ในครึ่งปีหลังไทยแอร์เอเชียเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ 4-6 เส้นทาง เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ ไฮเดอราบัด อินเดีย รวมถึง กาฐมาณฑุ เนปาล และ ฟู้โกว๊ก เวียดนาม ขณะเดียวกันมีการปรับแผนเพิ่มเที่ยวบิน เพื่อผลักดันยอดผู้โดยสารให้เป็นไปตามเป้าหมายปี 2567 จำนวนรวม 20-21 ล้านคน เติบโต 20-25% จากฐาน 18-19 ล้านคนของปีที่แล้ว”

คาด 'นักท่องเที่ยวจีน' ปี 67 ปิดที่ 7 ล้านคน

ด้วยกระแสการท่องเที่ยวไทยในครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางสะสม 17.5 ล้านคน และคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีไม่น้อยกว่า 18 ล้านคน ทำให้ตลอดปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวมไม่น้อยกว่า 35 ล้านคนตามเป้าหมายของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ยังต่ำกว่าจำนวนรวม 39.9 ล้านคนเมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด เนื่องจากตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเป็น “ตัวแปรสำคัญ” ของการฟื้นตัว ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจจีน และทางการจีนส่งเสริมให้ชาวจีนเที่ยวในประเทศมากขึ้น เฉพาะผู้โดยสารชาวจีนที่เดินทางกับไทยแอร์เอเชียพบว่าฟื้นตัวกลับมา 60% จึงประเมินว่าตลอดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยจริง 6-7 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่ ททท. ตั้งไว้ 8 ล้านคน

“ส่วนแนวโน้มปี 2568 มองว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติควรไปถึงระดับ 40 ล้านคน”

เปิดเส้นทางบินใหม่ในประเทศ 'กรุงเทพฯ - ลำปาง'

สันติสุข เล่าเพิ่มเติมว่า ด้านตลาด “เส้นทางบินในประเทศ” ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% สูงสุดเป็นประวัติการณ์! มีเส้นทางบินในประเทศมากที่สุด 35 เส้นทาง จาก 25 ปลายทางในประเทศ รวมเส้นทางบินใหม่ล่าสุด “กรุงเทพฯ-ลำปาง” ให้บริการ 1 เที่ยวบินต่อวัน เริ่มทำการบินวันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ทำให้มีปริมาณเที่ยวบินภายในประเทศมากถึง 612 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยในไตรมาส 4 ปีนี้ไทยแอร์เอเชียจะมีปริมาณที่นั่งโดยสารกลับมา 100% เมื่อเทียบกับยุคก่อนโควิด

ททท.ปลุกกระแสตลาดสนใจเฉพาะ

สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า นักท่องเที่ยวตลาดในประเทศมีโอกาสขยับรายได้เพิ่มในปี 2568 แต่ต้องไม่เล่นวิธีเดิม! จากเคยเน้นเพิ่มวันพัก เพิ่มความถี่ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศปัจจุบันมีข้อจำกัดตรงที่นักท่องเที่ยวไทยไม่นิยมเดินทางทริปยาว ทำให้ ททท.ต้องเน้นขับเคลื่อนรายได้ตลาดในประเทศด้วยการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวไทยออกมาทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ เช่น ออกทริปดำน้ำ ซึ่งใช้จ่ายสูงไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อทริป

“ปัจจุบันค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตลาดนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 3,800 บาทต่อคนต่อทริป เป้าในปี 2568 คือการขยับเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเป็น 4,000 บาทต่อคนต่อทริป ด้วยการจุดกระแสตลาดความสนใจเฉพาะ (Niche Market) ให้คนออกมาท่องเที่ยว ทำกิจกรรมตามความสนใจมากขึ้น”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ