ประธานสภา ชี้ รัฐบาลต้องเร่งเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 แต่หากไม่ทันกฎหมายกำหนดให้ใช้งบ 2566 ไปพลางก่อน เผย เตรียมถกทางออกดราม่าอาหาร สส. มอง ต้องยึดหลักความเหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือย
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 8 กันยายน 2566 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และการใช้งบระหว่างที่รัฐบาลยังไม่เสนอร่างกฎหมายงบประมาณเข้าสู่การพิจารณา ว่า ในกรณีเข้าสู่เดือนตุลาคม เป็นปีงบประมาณใหม่แล้วแต่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายงบประมาณ 2567 ตามกฎหมายกำหนดให้ใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน ทั้งในส่วนงบประจำหรืองบอื่นๆ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีหน้าที่ต้องเร่งเสนอร่างกฎหมายงบประมาณเข้าสภา และกำหนดวันพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 105 วัน นับแต่เสนอร่างกฎหมายให้สภาฯ ตามรัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการประสานงานมายังทางสภา คาดว่าในวันที่มีการแถลงนโนบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คงได้พบกับนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงเรื่องนี้ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้น่าจะทำได้เร็ว เพราะรัฐบาลต้องการนำงบประมาณไปใช้
นอกจากนี้ ประธานสภา กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นำอาหารที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภา จัดให้ระหว่างการประชุมสภา ไปรับประทานนอกสถานที่นั้น คาดว่าหลังจากรัฐสภาพิจารณานโยบาย ครม. แล้วเสร็จ จะหารือกับสำนักงานเลขาธิการสภาอย่างเป็นทางการต่อไป
สำหรับแนวทางเกี่ยวกับการบริการอาหารให้กับ สส. ส่วนตัวคิดว่าต้องยึดหลักความเหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือย ต้องให้ สส. ได้รับการบริการที่ดีด้วย แต่ในอนาคตจะมีการปรับลดงบประมาณในเรื่องนี้หรือไม่ คงต้องพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับรองประธานสภาทั้ง 2 คนอีกครั้ง พร้อมยอมรับว่ามีปริมาณอาหารเหลือ แต่ในทางปฏิบัติต้องเข้าใจว่าบางครั้งมีจำนวน สส. มาประชุมมาก หรือบางครั้งก็มี สส. เดินทางกลับไปก่อน จึงต้องร่วมหารือกันทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความสมดุล อาหารเตรียมไว้มากไปก็ไม่ดี หรือเตรียมอาหารไว้พอดี ถ้าเลิกประชุมเร็วก็ทำให้มีอาหารเหลือบ้าง จึงต้องมีมาตรการที่ทำให้เกิดความสมดุลให้ได้
...
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพ สส. นำอาหารของสภากลับไปรับประทานนอกรัฐสภา พร้อมกับมีการตอบโต้เป็นอาหารที่เหลือหลังจากการประชุมสภาเสร็จแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า กรณีถ้ามีอาหารของสภาเหลือ เลขาธิการสภาแจ้งให้ทราบเบื้องต้นว่าจะนำไปบริจาคในทางสาธารณกุศล เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก เป็นต้น.
