“จุลพงศ์” สส.ก้าวไกล เตือนคณะกรรมการ ธ.ก.ส. พร้อมจับตาการลงมติออกเงินทดรองแจกดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ หากไม่เป็นตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน อาจเสี่ยงทำผิดกฎหมาย
วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า ภายหลังจากที่ได้รับทราบข่าวจาก นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่ารัฐบาลยังไม่ได้สอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการใช้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงมีความล่าช้า
ทั้งนี้ ได้มีการค้นคว้าแง่มุมทุกด้านทางกฎหมายที่เกี่ยวกับ ธ.ก.ส. โดยละเอียด และได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยงทางกฎหมายของ ธ.ก.ส. ว่า การที่ ธ.ก.ส. จะออกเงินทดรองเพื่อแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตประมาณ 170,000 ล้านบาท สำหรับการซื้อขายสินค้าทั่วไปตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้นั้น เป็นการขัดกับกฎหมายคือ พระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 และฉบับที่แก้ไขต่อมาอย่างชัดเจน เนื่องจากวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ธ.ก.ส. หรือวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการของ ธ.ก.ส. ไม่ได้ให้อำนาจแก่คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในการลงมติอนุมัติให้ ธ.ก.ส. ทดรองเงินเพื่อนำไปใช้แจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด เงิน ธ.ก.ส. จะต้องนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตรหรือเพื่อส่งเสริมอาชีพทางการเกษตรเท่านั้น
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อไปว่า หากรัฐบาลจะอ้างมาตรา 28 ของ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ให้ ธ.ก.ส. แจกเงินให้ได้ แต่มาตรา 28 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า การที่หน่วยงานของรัฐจะทำตามที่ได้รับการมอบหมายจากรัฐบาลนั้น ให้กระทำได้เฉพาะกรณีที่อยู่ภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานนั้น
...
“จึงขอเตือนไปถึงคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ว่า หากลงมติให้ ธ.ก.ส. แจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยไม่ได้จำกัดการแจกว่าให้ผู้ที่ได้รับการแจกเงิน ต้องนำเงินที่ได้รับจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อไปพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตร หรือเพื่อส่งเสริมอาชีพทางการเกษตร ตามวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. อีกทั้ง การที่คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ลงมติเห็นชอบนั้น มีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย”
นายจุลพงศ์ ระบุอีกว่า ไม่สามารถอ้างได้ว่าทำตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะมติ ครม. ไม่ใช่กฎหมาย แต่หากคณะกรรมการ ธ.ก.ส. จะลงมติให้ผู้รับเงินนำเงินที่ได้รับแจกจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไปใช้ได้เฉพาะเพื่อการเกษตร เช่น ให้เกษตรกรที่เป็นชาวนาทั่วไปนำไปซื้อปุ๋ย ก็จะเป็นการซ้ำซ้อนกับโครงการปุ๋ยคนละครึ่งที่รัฐบาลจะให้ ธ.ก.ส. ออกทดรองไปก่อนถึง 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจช่วยคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในการลงมติ และจะขอติดตามดูมติของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ว่าจะออกมาอย่างไรต่อไป.