บิ๊กแจ๊สเปิดใจ แถลงหลังแพ้ลุงชาญอย่างไม่เป็นทางการ เพียง 805 คะแนน ยืนยันไม่เคยซื้อเสียง และไม่ร้องเรียนอะไร "ผมเป็นลูกผู้ชายพอ" ส่วนที่มีประชาชนไปพบการทุจริตก็ให้เป็นเรื่องของ กกต. ต่อไปนี้จะใช้เวลารักษาคนป่วย พักผ่อน พาหลานไปเล่นกอล์ฟ ดีใจกับ "พี่ชาย" ที่เคารพและพรรคเพื่อไทย พี่ก็คือพี่ ขอให้พี่ประสบความสำเร็จและพ้นคดีต่างๆ อย่างสง่างาม กลับมาอย่างโก้ๆ
วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง) ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดใจหลังแพ้คะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีอย่างไม่เป็นทางการ โดย นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้ 192,287 คะแนน ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้ 191,482 คะแนน ห่างกัน 805
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า "เท่าที่ทราบขณะนี้ผมแพ้คะแนนแล้วแต่ยังไม่ทราบว่าแพ้เท่าไร ผมยืนยันว่าผมเคารพในระบบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่เสียงของพี่น้องประชาชน เมื่อเสียงของพี่น้องประชาชนออกมาแบบนี้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ต่อไปก็อยู่ที่ กกต. แล้วจะรับรองอย่างไรก็ว่ากันไป ผมเองก็สบายใจที่มาถึงจุดนี้ ที่เคยบอกทุกครั้งว่าผมไม่เคยคิดที่จะมาเล่นการเมือง แต่เมื่อพี่น้องประชาชนขอให้มา ผมก็ลงมาทำอย่างเต็มความสามารถที่มาช่วย 3 ปี 3 เดือน ที่อยู่ท่ามกลางโรคระบาดและวิกฤติอะไรหลายอย่าง
เมื่อพี่น้องประชาชนลงคะแนนมาแบบนี้ ผมก็คงไปรักษาคนไข้ของผมแบบที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ ได้มีเวลาดูแลคนไข้มากขึ้น ระหว่างที่ผมเป็นนายก อบจ. อยู่นั้น ผมรู้สึกเลยว่าผมมีเวลาดูแลรักษาคนไข้ของผมเพียงเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นเอง เช้าถึงเที่ยง ต่อไปนี้คงมีเวลาเยอะ ยกเว้นวันพระเท่านั้นเอง และกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ พาหลานตีกอล์ฟ ผมไม่เครียดนะ จะเป็นห่วงบ้านเมืองเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งจะมีบางหน่วยที่ประชาชนไปใช้สิทธิ แต่ปรากฏว่ามีคนไปใช้สิทธิของเขาแล้ว ผมได้ประสานไปที่ กกต. เขาก็ให้เจ้าตัวเขาได้แจ้งความประสงค์ไปที่หน่วยเลือกตั้ง แสดงว่าเขาก็เสียสิทธิไปอีก 1 คะแนน ก็ฝากให้ กกต. สอบสวนให้เร็ว เรามองด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เราไม่เคยที่จะไปซื้อเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ผมเคยบอกแล้วว่าศักดิ์ศรีเรามี แต่คะแนนที่ออกมาพี่น้องประชาชนเขารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ผมยังมั่นใจว่าที่ผมลาออกก่อนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะว่าปีนี้ถ้าน้ำหลากมาเป็นปีพิเศษ 3 ปีเป็นภาวะปกติ ใช้กฎหมายท้องถิ่นตามปกติ แต่ปีที่ 4 เมื่อเข้า 6 เดือน 180 วัน มันทำไม่ได้ แต่ถ้าเกิดน้ำหลากมา เราได้เห็นพ้องต้องกันกับ นครสวรรค์ อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี เราจับมือกันดูแลพี่น้องประชาชนมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หากผมรับเงินเดือนแล้วหากเจออุทกภัยไปช่วยเหลือไม่ได้ ผมก็ไม่เอา จะมากินเงินเดือนทำไมในเมื่อพี่น้องเป็นคนเดือดร้อน นี่คือสิ่งที่ผมพูดตั้งแต่ต้น ผมยังยืนยันว่าเราตัดสินใจถูกต้อง"
...
บิ๊กแจ๊สยังกล่าวถึง "การเล่นการเมืองในอนาคต" ว่าอยู่ที่พี่น้องประชาชน แต่ตอนนี้เราก็อยู่ของเรา ดูแลคนไข้ที่ไม่ได้ดูแลมาตั้งนาน ผมสงสารเขาเท่านั้นเองเมื่อเขามาแล้วเราดูแลเขาไม่ได้ โครงการต่างๆ ที่ผมเคยทำไว้ก็อยู่ที่ผู้บริหารชุดใหม่จะเอามาทำต่อหรือไม่ ในเมื่อพี่น้องประชาชนลงมติมาแบบนั้น โครงการต่างๆ ใครจะสานต่อก็สานต่อ ผมก็คงหมดปัญญาที่จะสานต่อแล้ว เพราะบางโครงการมันจำเป็นจริงๆ อย่างโครงการฉีดวัคซีนที่เราทำไว้ พี่น้องบางคนก็ฉีดไม่หมด เมื่อผมลาออกมาก็มีการแคนเซิล ไม่มีการซื้อต่อ และลูกหลานเราอีก 200,000 ชีวิต ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่เมื่อเป็นมติพี่น้องประชาชนเราก็ต้องยอมรับ ขอบคุณน้องๆ ทุกคนเลยที่ให้เกียรติ และมีความห่วงใยพี่แจ๊ส สบายๆ เพราะพี่แจ๊สปีนี้ 70 แล้ว ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ฝากพี่น้องชาวปทุมธานีไว้ก็แล้วกัน อย่างครั้งที่แล้วเมื่อเราชนะ เขาร้องเรียน เราเสียโอกาสที่เราอยู่ท่ามกลางโรคโควิด-19 ระบาดตอนนั้น ทำให้เวลาเกือบ 2 เดือนที่เสียไป กกต. มัวแต่สอบ กว่าจะรับรองเสียไปอีก 2 เดือน ตอนนั้นพี่น้องประชาชนเสียชีวิตอีกเท่าไร กว่าเราจะแก้ปัญหา กว่าเราจะเอาซิโนฟาร์มมาฉีด อันนี้เป็นเรื่องที่แล้วแต่การสอบสวนต่อไปของ กกต. ผมไม่ก้าวล่วง"
บิ๊กแจ๊สกล่าวอีกว่า หลังจากการเลือกตั้งแล้ว คงเฉยแล้ว ไม่ร้องเรียนอะไร "ผมเป็นลูกผู้ชายพอ" แต่ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง อันนั้นก็ให้ กกต. สอบไป เพราะขั้นตอนมันไปแล้ว แต่หลังจากนี้ผมคงไม่ทำบันทึกร้องเรียนหลังจากเลือกตั้ง เดี๋ยวจะมองว่าแพ้แล้วไปหาเรื่องร้องเขา ไม่เอา ไม่ใช่นิสัยเรา
"ก็ดีใจกับพรรคเพื่อไทยด้วย แต่ผมก็คือน้อง พี่ก็คือพี่ พี่เขาจะทำอะไรก็เรื่องของพี่เขา ก็เท่านั้นเอง ผมก็เหมือนเดิม ไม่มีปัญหา ฝากด้วยความห่วงใยแล้วกัน ขอให้พี่เขาประสบความสำเร็จและพ้นคดีต่างๆ อย่างสง่างาม กลับมาอย่างโก้ๆ เท่านั้นเอง อีก 4 ปีข้างหน้าผมไม่อยากที่จะมาเล่นการเมืองอีก ด้วยความรู้สึกจริงๆ เพราะผมเองเป็นคนปทุมฯ และที่เราทำมาในช่วง 3 ปี 3 เดือน เราทุ่มเทขนาดนี้เพื่อพี่น้องชาวปทุมธานี เมื่อวันนี้ผลเป็นแบบนี้ เราก็ยอมรับ และเราอายุขนาดนี้ จะไปดิ้นรนอะไรนักหนา คนเราดิ้นรนไป ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ใช้ชีวิตบั้นปลายผมสบายๆ ดีกว่า ดูหลานเล่นกอล์ฟ วันนี้ผมลงคะแนนเสร็จก็พาหลานเล่นกอล์ฟ แล้วผมก็มีความสุขของผมเท่านั้นเอง ส่วน ส.อบจ. ก็เป็นเรื่องของแต่ละท่านที่ต่อจากนี้ไป ก็ยังว่ากันไปก่อน วันนี้ผมก็คงตอบอะไรไม่ได้ เดี๋ยวคงต้องหารือกัน สำหรับลูกชาย นายกโบว์ลิ่ง ก็อยู่ที่ตัวเขา พัฒนารังสิตมาเยอะแล้ว อยู่ที่พี่น้องประชาชนที่อยากจะให้เป็นนายกต่อก็เลือกไป ส่วนผมต่อจากนี้ก็จะรักษาคนไข้อาทิตย์ละ 5 วัน สบายๆ แล้ว อาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้เราจะแห่ขอบคุณพี่น้องประชาชน ผมต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคะแนนเสียงด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมจริงๆ ผมไม่เคยเสียเงินซื้อเสียงพี่น้องประชาชน ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนรู้ดี เอาแค่นี้ ขอบคุณทุกคน"
