‘สุดารัตน์’ จี้ ‘เศรษฐา’ ให้สัญญาประชาคมไม่โละทิ้ง สส.ปาร์ตี้ลิสต์

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นผ่านเว็บไซต์ thaisangthai.org ในหัวข้อ "โล๊ะ หรือลด Party List จะจริงเท็จ เลอะเทอะหรือไม่?" โดยระบุว่า  "คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยต้องเป็นผู้ยืนยัน “เป็นสัญญาประชาคม” ต่อประชาชน ว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญเพื่อความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองของนักการเมืองเท่านั้น และต้องให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชาชนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ภายในเวลารวดเร็ว โดยไม่ใช้เทคนิคการถ่วงเวลา"


"ดิฉันอยากเห็นรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย อยู่บนพื้นฐานของการดูแลสิทธิ และโอกาสของประชาชน อย่างทั่วถึงทัดเทียม รวมทั้งสามารถรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคง โดยไม่ปล่อยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีวาระซ่อนเร้น เพื่อประโยชน์ทางการเมือง และเพื่อเตรียมการ ให้มีโอกาสชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไปมากที่สุดเท่านั้น ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน และอาจเป็นชนวนนำมาสู่ ความวุ่นวายของบ้านเมืองในอนาคต"
 

สำหรับแนวคิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดจำนวนหรือยกเลิก สส.ระบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น  ตามที่ปรากฏข่าวไปแล้ว จะเป็นเรื่องเท็จ หรือเรื่องจริง  หรือเป็นเรื่องที่เลอะเทอะ อยู่ที่นายกรัฐมนตรีต้องให้คำมั่น เป็น“สัญญาประชาคมกับประชาชน” ว่าจะไม่มีการแก้ไข และการยกเลิกหรือลดจำนวน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ หรือ สส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะเจตนารมณ์ของการกำหนดให้มี สส.แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้พรรคการเมือง ได้คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและมีความชำนาญเฉพาะด้าน  เพื่อนำความรู้มาช่วยในการพัฒนาประเทศชาติ

อีกทั้งปรากฎว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากบัตรเลือกตั้งใบเดียว เป็นบัตรสองใบ และมีการลดจำนวน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ จาก 150 คนให้เหลือ 100 คน เพื่อเพิ่มสส.เขตจาก350 เป็น 400 คนมาแล้ว 

รวมถึงหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่าง แล้วบอกว่าเป็นเทคนิคการหาเสียง ซึ่งทำให้ระบบการเมืองถูกมองว่าเลอะเทอะที่สุดในยุคนี้ ทั้งที่ประชาชนต้องการการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรม และต้องการความจริงใจจากนักการเมือง

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เคยบอกให้สัญญากับประชาชนว่าจะไม่จับมือกับ 3ป.เพราะรังเกียจเผด็จการ ด่าเขาสารพัด ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล ยอมตระบัดสัตย์ กับคนที่ตนเคยด่าเขาว่าเป็นเผด็จการ และก็ไปร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
 
บอกกับประชาชนว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันทันที แต่จนถึงวันนี้ ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนไทย กระทบรายได้ ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง
 
และยังบอกว่า เมื่อได้เป็นรัฐบาลจะแจกดิจิทัลวอลเล็ตทันที ไม่กู้ซักบาท แต่สุดท้ายต้องกู้ทุกบาท และจนถึงตอนนี้ประชาชนก็ยังไม่ได้สักบาท หรือหากได้ ก็มาพร้อมกับภาระหนี้สินมหาศาลถึง 500,000 ล้านบาท ของคนไทยทุกคนไปพร้อมๆกัน เป็นการแบกรับความเสี่ยง ทางการเงินและการคลังในระยะยาว

รวมทั้งยังมีอีกหลายนโยบายที่ไม่ได้เดินหน้าตามที่ได้ประกาศไว้ตอนหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบราชการ, ปฏิรูปการศึกษา, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย และอีกหลากหลายนโยบายสวยหรู โดยเฉพาะจะทำให้ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน

"จึงขอถามคุณเศรษฐาในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่า นโยบายเหล่านี้ และอีกหลายนโยบายที่เคยพูดไว้ เป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงใช่หรือไม่  ถ้าทำแน่นอน จะทำเมื่อไหร่ ตอบประชาชนให้ชัดเจน อย่าพูดเลอะเทอะ”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...