คุยกับเศรษฐา เทปแรก! เปิดใจนายกฯ ไปทุกที่แม้ไม่มี สส.ของรัฐบาล

เทปแรก “คุยกับเศรษฐา” นายกฯเมินครหาลงพื้นที่ถี่ยิบมีแต่ปริมาณแต่ไร้คุณภาพ แจงเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศไปทุกพื้นที่ แม้ไม่มี สส.พรรครัฐบาล ลุยหน้างานได้เข้าถึงทุกข์ยากชาวบ้านของจริงไม่ใช่ฟังแต่รายงานเอกสาร ย้ำยึดมั่นวินัยทำงานให้หนัก ใช้วันหยุดตามงานท่องเที่ยวเกาะล้าน ดูสนามกีฬาหนองปรือ พัทยา รองรับจัดคอนเสิร์ตระดับโลก พท.ตีปี๊บงบฯปี 68 วาระแรกฉลุย เสียงรัฐบาลปึ้ก 311 เสียงไม่มีแตกแถว “อนุสรณ์” โวแต้มโหวตโชว์แกร่งอยู่ครบ 4 ปีแน่ “ชวน” เหน็บยังไม่แน่ เสถียรภาพรัฐบาลต้องลุ้นผลคดี 40 สว.ยื่นสอยนายกฯ “ก้าวไกล” บุกอุดรฯ คิกออฟเลือกตั้ง อบจ. โชว์วิสัยทัศน์เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย “ชัยธวัช” เมิน “ทักษิณ” จ้องยึดคืนหัวเมือง มั่นใจคนค่ายสีส้มเตรียมพร้อมมาดี “วันชัย” ผ่าดวงทำนาย “ทักษิณ-เศรษฐา-ก.ก.” รอดพ้นคดีความ

แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การลงพื้นที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีแต่ปริมาณ แต่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่นายกฯยังคงยืนยันเป็นหน้าที่ต้องลงพื้นที่เพื่อติดตามรับฟังสภาพปัญหา โดยลงพื้นที่ทุกจังหวัด แม้พื้นที่นั้นอาจไม่มี สส.ของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ

“เศรษฐา” ยึดวินัยทำงานให้หนัก

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศเทปแรก ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) โดยนายกฯใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน กางเกงสแล็กสีน้ำเงินในลุคสบายๆ นั่งพูดคุย ตอบคำถาม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี ดำเนินรายการ เนื้อหาระบุต้องการสื่อสารถึงพี่น้องประชาชนโดยตรง ว่ารัฐบาลทำอะไรกันไปแล้ว และแผนงานระยะยาวคืออะไร จะได้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนการทำงานตลอด 10 เดือนที่วันแรกบอกว่าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อย ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยคงจะโกหก ทุกนายกฯทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เชื่อทุกคนแบกภาระหนักหน่วงนี้อยู่เยอะ ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม นอนคืนเดียวก็หาย เราเสนอตัวเข้ามาทำงานสาธารณชนแล้ว เรื่องสำคัญกว่าคือความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชน ฐานรากของสังคมเหนื่อยเยอะกว่าเรามาก ทำงานมาเกือบ 40 ปี ยึดมั่นใน 2 วินัยคือ มีวินัยในการทำงาน และทำงานให้หนัก แต่แน่นอนการดูแลสุขภาพ การพักผ่อนให้เพียงพอ

...

เศรษฐา ทวีสิน

ทุกข์ ปชช.ไม่คอยท่าอัดมาตรการแก้ไข

เมื่อถามว่า นายกฯเคยเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน เคยเห็นปัญหาหน้างาน เทคนิคนี้จะมาช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ทันท่วงทีหรือไม่ นายกฯตอบว่า สภาพแวดล้อมต่างกันพอสมควร ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียแตกต่างกัน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาครัฐบาลเยอะกว่า จึงต้องดูให้ครบทุกหมู่เหล่าจริงๆ ต้องระมัด ระวัง ขั้นตอนต่างๆมีกลไกทางราชการ เราต้องเคารพ มีองค์กรอิสระตรวจสอบก็เยอะ เราต้องมั่นใจว่าทุกอย่าง ทุกการกระทำของเราถูกต้อง แต่มองว่าความเดือดร้อนไม่คอยท่า ต้องการการบริหารจัดการออกไป แต่ระหว่างทางอาจจะมีมาตรการระยะสั้นหรือชั่วคราวที่พยุงปัญหาไปได้บ้าง บางทีปัญหาไม่สามารถแก้ได้ ด้วยอะไรที่รวดเร็วทันใจ เพราะมีหลายขั้นตอน เพราะเป็นระบบราชการ ถ้าเรามาอยู่ตรงนี้ต้องยอมรับ

ยันเป็นนายกฯของคนทั้ง ปท.ไปทุกที่

นายกฯกล่าวว่า ตลอดการทำงานลงพื้นที่ถี่มาก แม้พื้นที่นั้นอาจไม่มี สส.พรรคร่วมรัฐบาลถือว่ามาในฐานะเป็นนายกฯของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกฯของคนพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างเดียว แน่นอนพรรค พท.เป็นพรรคหลัก เป็นเรื่องสำคัญต้องลงพื้นที่ แต่ของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยเหมือนกัน เพราะทุกคนคือประชาชนคนไทย นายกฯในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศมีหน้าที่ต้องดูแล ให้ความมั่นใจได้ว่าไม่ได้เลือกจังหวัดลงพื้นที่ ส่วนแนวทางลงพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องยอมรับมีต้นทุนเป็นรองนักการเมืองหลายท่าน เพิ่งเข้าสู่สนามการเมือง ฉะนั้นการลงพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่อย่างตน ที่ต้องลงพื้นที่เยอะเพื่อต้องการเข้าใจถึงปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ฟังแต่รายงานจากกระดาษ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครม.ทั้งคณะลงไปพื้นที่ไหนจะมีการตื่นตัว โดยเฉพาะนัดแรกเลือกไป จ.หนองบัวลำภู จังหวัดจีดีพีต่ำที่สุด ยากจนที่สุด ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสนใจ และลงพื้นที่จังหวัดข้างเคียงก็สำคัญ

ลุยหน้างานได้เข้าถึงทุกข์ยากของจริง

นายกฯกล่าวอีกว่า การลงหน้างานมีส่วนช่วยเหลือ ทำให้เขามั่นใจขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดไปทั้งคณะรัฐบาล ทุกกระทรวง ทบวง กรม ไปหมด มีการกำหนด KPI ชัดเจน และสร้างความคาดหวังให้พี่น้องประชาชนในครั้งต่อไปที่เราจะไป ครม.สัญจร มาจังหวัดข้างเคียงจะได้อานิสงส์อะไรบ้าง และการพบปะมวลชน เพราะต้องการได้เห็นจริงๆว่าในสายตาของเขามีความทุกข์ยากมากน้อยขนาดไหน รับฟังโดยตรง ไม่มีการกีดกันเลย ได้พบข้าราชการ ฝ่ายปกครอง นายอำเภอ อบจ.ต่างๆเป็นอะไรที่ให้ความรู้ทั้งกับตนและรัฐมนตรีในหลายเรื่อง

เปรียบไทยรถเฟอร์รารีวิ่งไม่เต็มสูบ

เมื่อถามว่า อีก 3 ปีจากนี้มองเห็นประเทศไทยและตัวเองอย่างไรบ้าง นายกฯกล่าวว่า ประเทศไทยจริงๆแล้วมีศักยภาพสูงมาก แต่เหมือนรถที่ยังไม่วิ่งเต็มสูบ เหมือน Ferrari 12 สูบ แต่วิ่งอยู่แค่ 6-7 สูบเท่านั้น แล้ว 6-7 สูบเราเดินหน้ากันเต็มที่ แต่ต้องค่อยๆทำกันไป เพราะมีหลายเรื่อง ไม่ใช่ทำเองได้ ตัดสินใจภายในคนเดียวได้ มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล มีฝ่ายตรวจสอบ มีทั้งรัฐสภา มีทั้งข้าราชการ มีทั้งเอ็นจีโอ หลายๆ Initiatives (ความคิดริเริ่ม) อาจมีคนแย้ง มีข้อกังขาบ้างต้องทำประชาพิจารณ์ หลายเรื่องเรากำลังดู เช่น เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ธุรกิจสีดำอยู่ใต้ดินเป็นล้านล้าน เราจะยอมให้มีธุรกิจแบบนี้อยู่ต่อไป หรือจะยกมาบนดิน ยอมรับแล้วเก็บภาษีให้ถูกต้อง ควบคุมด้วยความประพฤติ คุมอาชญากรรมได้ ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ ประเทศอื่นมีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายนายกฯนำผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าขาวม้า กระเป๋ากระจูด ผ้าลายเพ็ชรราชวัตร ที่ประชาชนมอบให้และนายกฯได้นำไปใช้ที่ต่างประเทศมาโชว์ในรายการ

ไปต่อติดตามท่องเที่ยวเกาะล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯใช้เวลาช่วงวันหยุดพักผ่อนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ช่วงเช้าข้ามไปยังเกาะล้าน พร้อมติดตามด้านการท่องเที่ยวและรับฟังปัญหาจากที่มีนักท่องเที่ยวข้ามเรือจากท่าเรือแหลมบาลีฮายไปยังเกาะล้านเดือนละกว่า 5 แสนคน ทำให้บริการนักท่องเที่ยวได้ไม่ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยไม่เพียงพอ ปัญหาระบบสาธารณสุข ขยะ น้ำประปา ที่พัก ตลอดจนปัญหาความสะอาดและภูมิทัศน์ โดยนายเศรษฐาขอให้นายกเมืองพัทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โรงพยาบาล การกำจัดขยะบนเกาะ และการบำบัดน้ำเสีย เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงสั่งการให้เทศบาลเมืองพัทยาเร่งแก้ไขปัญหาในระยะสั้น เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งเรื่องเตาเผาขยะให้เสร็จสิ้นตามสัญญา เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาขยะล้นเกาะเหมือนที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ นายกฯยังได้ทักทายนักท่องเที่ยวและร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

เล็งจัดคอนเสิร์ตโลกสนามกีฬาหนองปรือ

ต่อมาเวลา 15.34 น. นายกฯได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย หลังลงพื้นที่ติดตามการสร้างสนามกีฬาหนองปรือ ต.หนองปรือ อ.หนองปรือ จ.ชลบุรีว่า พัทยากำลังจะมีสถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลกสนามกีฬาหนองปรือ กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าเสร็จในปี 68 เป็นสนามกีฬาสร้างเสร็จใหม่ มีพื้นที่กว้าง มีระบบทันสมัย จุคนได้กว่า 20,000 คน ที่สำคัญคมนาคมสะดวก อยากให้สนามกีฬาแห่งนี้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก จะทำให้ดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้จำนวนมาก มาตรวจสอบระบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกในสนาม โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า พร้อมจัดคอนเสิร์ตระดับใหญ่ไหม เพราะถ้าจะจัดคอนเสิร์ตระดับโลกต้องเตรียมไฟฟ้าให้พอ ไฟต้องไม่ตก ถนนทางเข้าออกต้องไม่แคบไป รวมถึงการจัดโซนให้เหมาะสมด้วย

ดีใจสมรสเท่าเทียมของขวัญงานไพรด์

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯโพสต์เฟซบุ๊กว่า “PATTAYA INTERNATIONAL PRIDE FESTIVAL 2024 “PRIDE FOR ALL” สนุกมากๆครับ มีคนเข้าร่วมกิจกรรมหลายพันคน จากทุกภาคส่วน ทราบว่าปีนี้จัดเป็นปีที่ 5 แล้ว แต่ปีนี้มีของขวัญเป็น พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมด้วย ดีใจทุกครั้งที่ได้เข้าร่วมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจและแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันกับทุกคน แต่ที่ทำให้หุบยิ้มไม่ได้ คือคู่รักหลายคู่เข้ามาขอบคุณ พร้อมบอกว่าเขารอคอยเวลานี้มานาน และวันนี้พร้อมที่จะแต่งงานแล้ว แต่ผมบอกว่านี่คือความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ที่เชื่อในสิทธิที่เสมอภาคและเท่าเทียมกันของคนทุกคน “Love conquers all” ความรักชนะทุกอย่างเสมอครับ”

ตั้ง 72 กมธ. แปรญัตติงบฯ 68 วาระ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า หลังจากที่ประชุมสภาฯลงมติรับหลักร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระแรก ด้วยคะแนน 311 ต่อ 175 งดออกเสียง 2 เมื่อช่วงดึกวันที่ 21 มิ.ย. ที่ประชุมได้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 68 รวม 72 คน เพื่อแปรญัตติ แบ่งเป็นโควตา ครม.18 คน อาทิ นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พรรคก้าวไกล 16 คน อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคเพื่อไทย 15 คน อาทิ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ นายสุรเกียรติ เทียนทอง สส.บัญชีรายชื่อ นายพชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย 8 คน อาทิ นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคพลังประชารัฐ 5 คน อาทิ นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี นายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 คน อาทิ นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน อาทิ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง และพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคละ 1 คน จะประชุมนัดแรกที่รัฐสภา วันที่ 24 มิ.ย.เวลา 10.00 น.

อวยสอดรับนโยบายเป็นผลดีประเทศ

นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรค พท. ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอบคุณสมาชิก รัฐบาลจะรับฟังอะไรเป็นประโยชน์ก็จะปรับใช้ มองว่าการจัดทำงบฯปี 68 รัฐบาลกระจายงบฯได้ดีมาก ดูแล้วทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระจายงบฯได้ดีมาก ไม่เหมือนที่ฝ่ายค้านบอกว่ากระจุกตัว ที่งบฯไม่ได้ เพราะท้องถิ่นไม่ได้ทำคำขอมา แต่ถ้าขอมาเขาให้อยู่แล้ว งบปีนี้ดีกว่าปี 67 ให้ความสำคัญกับการกระจายงบฯและเน้นไปที่การท่องเที่ยวมาก มั่นใจว่าจะส่งผลดีกับประเทศ งบฯสอดรับกับนโยบายรัฐบาล เมื่อมีผลบังคับใช้แล้วเป็นประโยชน์แน่นอน มั่นใจว่า กมธ.จะพิจารณาได้เร็วก่อนกรอบเวลาตามกฎหมายแน่นอน เพื่อให้ทันใช้จ่ายหลังเริ่มปีงบฯ

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

โอ่เสียงโหวต รบ.แน่นปึ้กอยู่ครบ 4 ปีแน่

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างงบฯปี 68 กล่าวว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สภาฯรับหลักการ ส่วนกรณีมีการปล่อยข่าวจะขับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลช่วงพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ยืนยันหลายครั้งว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพ ทำหน้าที่ร่วมกันอย่างดี เมื่อนายกฯส่งสัญญาณและเสียงโหวตของพรรคร่วมฯออกมาเป็นเอกภาพทิศทางเดียวกัน ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทำงานร่วมกันได้อย่างดี และจะอยู่ครบวาระ 4 ปีเป็นอย่างน้อย ยิ่งถ้าแก้ปัญหาวิกฤติประเทศชาติในปัจจุบัน มีโอกาสจะกลับมาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป การที่รัฐบาลมีเสถียรภาพเช่นนี้ ไม่มีเหตุอะไรให้เปลี่ยนแปลง ข่าวที่ออกมาเป็นความพยายามจุดพลุความขัดแย้งให้รัฐบาล แต่ไม่มีผลอะไร เพราะทุกคนร่วมกันได้เป็นอย่างดี

พปชร.ยันจะใช้งบฯโปร่งใสคุ้มค่าสูงสุด

นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าขอพรรค พปชร.ที่ดูแลอยู่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และกระทรวงสาธารณสุข จะนำงบฯที่ผ่านสภาฯไปใช้อย่างโปร่งใส เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสู่ประชาชนโดยตรงอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีของพรรค พปชร.ทุกท่าน ก็ได้ตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้วยการลงพื้นที่รับฟังและติดตามปัญหาของประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะใช้งบประมาณไปแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด

“ชนินทร์” ย้ำหายนะกู้เงินเทน้ำลงทราย

นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาฯ กล่าวว่า พรรค ปชป.และหลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงการกู้เงินจนเกินตัวของรัฐบาลจะก่อให้เกิดปัญหาฐานะการคลังและหนี้สาธารณะสะสมชนเพดาน ส่อหายนะประเทศได้ อยากเน้นย้ำขีดเส้นใต้ 10 เส้นว่า ปัญหาสำคัญกู้มาแล้วจะใช้อย่างไร จะมีหนทางหารายได้กลับมาชดเชยเงินกู้ได้อย่างไร รัฐบาลนี้ไม่รู้จักคำว่า รดน้ำพรวนดินเศรษฐกิจ แต่เน้นใช้เงินตอบสนองด้านการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว ค่าครองชีพสูง ข้าวของแพง รายได้ประชาชนลด หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูง หายนะกำลังเกิดจากหนี้สาธารณะที่กู้เพิ่มสูงขึ้น จากการจัดทำงบฯกลางปี 67 เพิ่มเติม และงบฯปี 68 โดยเฉพาะงบฯกลางปี 67 รัฐบาลนี้กู้ขาดดุลงบฯเพิ่มอีก 1.12 แสนล้านบาท ตั้งเป้าจัดเก็บรายได้จากงบฯนี้ไว้เพียง 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือกู้ขาดดุลงบฯเพิ่มเติม ทำให้ขาดดุลงบฯปี 67 เพิ่มเป็น 815,056 ล้านบาท น่าเป็นห่วง กู้เพิ่มแต่รัฐบาลไม่มีรายได้เพิ่มที่แน่นอน กู้มาลักษณะเทน้ำลงทราย

เฉ่งแจกเงินหมื่นพายุหมุนไม่เกิดจริง

“รัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯเศรษฐา รู้จักนโยบายแก้ไขเศรษฐกิจแบบรดน้ำพรวนดินไม่ใช่เทน้ำลงทรายที่ไม่เกิดดอกผล อาทิ การกู้มาเพื่อแจกดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้านบาท แต่ไม่ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้จริง ตามที่นายกฯเศรษฐาพูด จึงขอฝากการบ้านให้รัฐบาลนี้ว่า ถ้าจะแก้เศรษฐกิจแบบรดน้ำพรวนดิน ต้องคิดถึงการใช้เงินกู้ที่ได้มา 3 ข้อ คือ 1.ต้องมีการเยียวยากลุ่มเปราะบาง 2.ต้องส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ทั้งเล็กใหญ่เพื่ออนาคต เช่น การพัฒนาแหล่งน้ำ 3.สำคัญสุดคือ การใช้งบฯปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจรองรับการสร้างงาน อาชีพให้ประชาชนในอนาคต เพื่อสร้างรายได้กลับคืนสู่ประเทศ เพราะหนี้สาธารณะที่รัฐกู้ใกล้ชนเพดานแล้ว หากเกิดวิกฤตโรคอุบัติใหม่ หรือภัยธรรมชาติร้ายแรงซ้ำ ขณะที่สถานะการคลังมีปัญหาจะกระทบต่อประชาชนกลุ่มลูกหนี้รายย่อย ขอให้รัฐบาลฟังเสียงเตือนทั้งสภาพัฒน์ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่รู้จริงและไม่หาเสียงหลอกประชาชน เพื่อเข้าสู่อำนาจบริหารเหมือนรัฐบาล” นายชนินทร์กล่าว

ชวน หลีกภัย

“ชวน” ฉะ รบ.ทำลายนิติธรรมช่วยนักโทษ

เมื่อเวลา 14.10 น.ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กทม. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ กล่าวตอนหนี่งในงาน “แนวหน้า TALK ครั้งที่ 1” หัวข้อเมืองไทยวันนี้...มีอะไร ว่า ได้อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาถึงรัฐบาลนี้ที่เลือกช่วยพวกตัวเอง มากกว่ายึดหลักนิติธรรม โดยเฉพาะการช่วยนักโทษ ไม่สามารถพูดได้ว่ารัฐบาลยึดหลักนิติธรรม เพราะทำให้หลักกฎหมายมีปัญหา ถ้าถามอีกว่าวันนี้เมืองไทยมีอะไร วันนี้ยังมีคนไทยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ที่มีมาตั้งแต่อดีต ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้ว 7,594 คน เคยอภิปรายถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดจากความผิดพลาดของนโยบาย 8 เม.ย.44 ของรัฐบาลเวลานั้น ใช้วิธีรุนแรงถึงชีวิตกับผู้ที่เห็นต่าง นี่คือการอยู่นอกหลักนิติธรรม นอกกติกา เรื่องแบบนี้ควรต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ใช่มาตัดสินเองแบบนอกกระบวนการ ไฟใต้จึงไม่หมดไป

เสถียรภาพ พรบ.ยังต้องรอลุ้นคดีนายกฯ

นายชวนกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. สภาฯเพิ่งจะผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วาระแรกในชั้นรับหลักการ แต่รัฐบาลขอบคุณเหมือนผ่านวาระ 3 ไปแล้วมีสิ่งที่บอกให้เรารู้ว่ารัฐบาล 315 เสียงยังมั่นคงในแง่ของจำนวน สส. แต่ในแง่ของสถานการณ์ต่อจากนี้ยังไม่แน่ กรณี 40 สว.ยื่นสอบจริยธรรมนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ต้องรอดูผลการวินิจฉัยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งที่เรื่องนี้น่าจะเป็นหน้าที่ของ สส.แต่ สส.กลับไม่ยื่น อาจเป็นด้วยความสุจริตใจเห็นว่าไม่ผิด แต่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีหรือแม้กระทั่งการแต่งตั้งบุคคลในองค์กรฝ่ายตุลาการ กฎหมายกำหนดต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นหัวข้อที่ระบุอยู่ในแทบจะทุกตำแหน่ง กรณีนายเศรษฐาถูกร้องเรียนพูดจริงๆแบบให้ความเป็นธรรม ท่านรู้และคงไม่อยากตั้ง แต่คนที่ขอมาเหนือกว่าท่าน เลยต้องยอมตั้งเข้าไป บทบาทของ สส.ในสภาฯ ไม่ได้มีผลกระทบทำให้หุ้นตก หรือทำให้บ้านเมืองไม่น่าเชื่อมั่น แต่เป็นพฤติกรรมของฝ่ายรัฐบาลเองที่ต้องมารับผิดชอบ

ธุรกิจการเมืองซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า

นายชวนกล่าวต่อว่า 92 ปีประชาธิปไตยเติบโตขึ้นตามลำดับ ในสภาฯ มีคนมีความรู้เยอะมาก ความเปลี่ยนแปลงเป็นบวกมีเยอะ แต่มีทางลบด้วยคือธุรกิจทางการเมืองเข้ามา เหมือนโรคอุบัติใหม่ที่ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ซื้อเสียง ซื้อ สส. ซื้อพรรคการเมืองให้ใหญ่ขึ้น และคนเหล่านั้นไม่ยอมรับว่าใช้ประชาธิปไตยเป็นบันไดขึ้นสู่อำนาจ เมื่อสิ่งนี้เข้ามาเกี่ยวข้องต้องคู่กับเลือกตั้ง นักการเมืองต้องมีเงินเพื่อมาเลือกตั้งให้ชนะ ก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันทุกระดับตามมา ประชาชนเบื่อหน่าย ธุรกิจการเมืองจะทำให้ประชาธิปไตยที่เรามุ่งหวังตามอุดมคติเกิดขึ้นยาก แตะตรงไหนเจอคอร์รัปชัน ไม่สามารถแก้อะไรได้ คุณภาพประเทศลดลง งบฯพัฒนาบ้านเมืองถนนหนทางหรืออะไรก็ตาม แทนที่จะมั่นคงถาวรยาวนาน ใช้ได้ระยะหนึ่งเสื่อมโทรมทรุดไปแล้ว เพราะโกงคอร์รัปชันมีผลประโยชน์ที่ต้องจ่าย แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง อย่าเพิ่งเปลี่ยนค่านิยมไม่ยอมรับคนโกงบ้านโกงเมืองนี้ ต้องยึดมั่นต่อไป

ชัยธวัช ตุลาธน

“ต๋อม” ยักไหล่ “ทักษิณ” ตีคืนหัวเมือง

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ UD Town อ.เมืองอุดรธานี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดงาน “ก้าวไกล Policy Fest อุดรจ้วดๆ” เวทีโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอุดรธานี เปลี่ยนอีสาน เปลี่ยนประเทศไทย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า งานนี้ในภาคอีสานจัดเป็นครั้งแรกที่อุดรธานี พื้นที่มุ่งมั่นตั้งใจชิงชัยสนามเลือกตั้ง อบจ. อย่าคิดแบบนั้นว่ามาตีเมืองหลวงพรรค พท. ประชาชนไม่มีใครเป็นเจ้าของ การที่พรรค การเมืองมาแข่งขันกันมากขึ้นในสนามท้องถิ่นถือเป็นมิติที่ดี ทั้งนี้ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศจะยึดหัวเมืองคืนนั้น ไม่ได้กังวลอะไร มั่นใจในตัวนายคณิศร ขุริรัง ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.พรรค ก.ก.ทำงานร่วมกันมานานตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ เตรียมพร้อมมาอย่างดี วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นคิกออฟแคมเปญการเลือกตั้ง อบจ.ด้วย

โต้ถูกด้อยค่าเป็นฝ่ายค้านตลอดชีพ

นายชัยธวัช กล่าวถึงภาพรวม สส.พรรค ก.ก. ในการอภิปรายงบประมาณ 2568 วาระแรกว่า ทำได้ดี มีคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่น่าพอใจ สส.มีข้อเสนอ ควบคู่ไปกับการวิจารณ์ตามทิศทางฝ่ายค้านเชิงรุก ไม่ใช่ค้านอย่างเดียว และรัฐบาลก็มีส่วนทำให้บรรยากาศ และเนื้อหาอภิปรายเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น โต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผลและข้อมูล เพราะมองว่าจะส่งผลดีกับประชาชน เมื่อถามว่าให้คะแนนพรรคฝ่ายค้านอภิปรายเท่าไร นายชัยธวัชระบุว่า ก็คงจะ 8 เต็ม 10 ยังทำดีกว่านี้ได้อีก เมื่อถามอีกว่าพรรค พท.ยังออกมาพูดว่า ฝ่ายค้านยังใช้วาทกรรมในการอภิปราย ก็คงจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดชีวิต นายชัยธวัชระบุว่า เรายังเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะเป็นรัฐบาลได้ ส่วนกรณีดราม่า น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรค ก.ก.โวยกลางสภาฯเพราะถูกเปลี่ยนแปลงภาพสไลด์ รูปนายกฯ ว่าเป็นความเข้าใจผิดของ น.ส.รักชนกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล ถือเป็นบทเรียน น.ส.รักชนกตนมองว่าอภิปรายเนื้อหาดีมาก อยากให้มาฟังการอภิปราย น.ส.รักชนก มากกว่าดราม่าตรงนั้น

ย้ำยื่นศาล ปค.หากดิจิทัลฯผิด ก.ม.

นายชัยธวัช ยังชี้แจงว่า เมื่อวานนี้น่าจะมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเมื่อวานนี้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีปัญหา และชัดเจนว่าผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง อาจจะไปยื่นศาลปกครองได้ ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดหลังจากนี้ ก่อนว่าการพยายามที่จะผลักดันโครงการนี้สุ่มเสี่ยงหรือผิดกฎหมายหรือไม่ ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณี กมธ. วิสามัญพิจารณางบประมาณ 2568 มีชื่อของนายวีระ ธีรภัทร นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ ในสัดส่วนพรรค ก.ก. ด้วย ไม่สามารถตอบรายละเอียดได้เยอะไม่ใช่คนประสานงาน แต่ยืนยันไม่มีการต่อรองผลประโยชน์

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

“พิธา” ปลุกคนเมืองหลวง ปชต.ไปใช้สิทธิ

ช่วงเย็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. ขึ้นกล่าวปาฐกถาปิดท้ายเวทีตอนหนึ่งว่า เมื่อไม่นานมานี้นายกฯบอกว่าเห็นประเทศไทย เป็นเหมือนเฟอร์รารี่ แต่ต้องอย่าลืมว่าเฟอร์รารี่คันละ 30 ล้านบาท นั่งได้แค่สองคน ถ้าเช่นนั้นตนและพรรคก.ก.ขอเป็นรถเมล์ไฟฟ้า เหมือนที่นโยบายของพรรคก.ก. อยากตั้งอุตสาหกรรมผลิตรถเมล์ไฟฟ้าที่ภาคอีสาน รถเมล์ไฟฟ้าที่ทำโดยฝีมือคนอีสานคันละ 7 ล้านบาท นั่งได้ 20 คน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วยและสร้างงานให้คนอีสานได้ด้วย ที่ผ่านมาไม่มีอะไรต้อง เสียใจ เพราะได้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยกว่า 75% ของคนไทยออกไปใช้สิทธิใช้เสียง นี่คือประวัติศาสตร์ที่พวกเราสร้างร่วมกัน ไม่มีใครลบออกได้ ฝากพี่น้องชาวอุดรธานี ที่เชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตย ให้ออกมาใช้สิทธิกันอีกครั้งหนึ่ง เริ่มที่การเลือกตั้งนายก อบจ.ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านี้

ผ่าดวง “ทักษิณ–เศรษฐา–ก.ก.” รอด

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอหักปากกาเซียนเสียหน่อย ตามดวงดาว ดวงเมือง ดวงคุณทักษิณ คุณเศรษฐาและก้าวไกล ถือเป็นดวงดาวแห่งอำนาจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ดาวพฤหัสและดาวมฤตยูอยู่ในราศีพฤษภเรือนกดุมภะตั้งแต่ 30 เม.ย.เป็นต้นมา เป็นคุณต่อดวงเมือง ผู้มีอำนาจและผู้เป็นใหญ่ในบ้านเมืองจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศและประชาชนชนิดคาดไม่ถึงดวงคุณทักษิณโชคชะตาฟ้าลิขิต ไม่มืดมิดแน่นอน คดีความใดๆที่มีอยู่จะรอดปลอดโปร่ง โล่งสบาย ยิ่งปลายปีมีแต่จะแรงขึ้นๆ คุณเศรษฐาทำนองเดียวกัน ราหูเป็นวินาศแก่ดวงเมือง ศัตรูหมู่มารและฝ่ายตรงข้ามผู้สร้างวาทกรรมย่อมย่อยยับอัปรา คุณเศรษฐายังยืนเด่นอย่างท้าทาย ฝ่าคลื่นลมไปได้ด้วยดี คนที่คิดจะล้ม มีแต่จะล้มล่มสลายไปในที่สุด ส่วนพรรคก้าวไกลเป็นส่วนหนึ่งที่ดวงดาวบอกว่าดี ยิ่งตียิ่งโต ยิ่งยุบยิ่งใหญ่ จึงยังโลดแล่นไปได้ชนิดคิดไม่ถึง ที่ว่าจะยุบอาจไม่ใช่ เพราะพฤหัสอยู่ในเรือนกดุมภะ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบ 360 องศา ทั้งในตำราและนอกตำราหาไม่เจอ คอยดูเถอะ พวกหมอดูหมอเดานักวิเคราะห์วิจารณ์และนักสร้างวาทกรรมเตรียมอกแตกตายได้

มท.1 กำชับปกครอง–ท้องถิ่นคุมเข้มบั้งไฟ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีการละเล่นบั้งไฟตามประเพณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ได้กำชับหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครองและท้องถิ่นที่ยังมีกำหนดการละเล่นให้พิจารณามาตรการด้านความปลอดภัยเข้มงวด ป้องกันอุบัติเหตุทุกรูปแบบ ลดโอกาสความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน บุญบั้งไฟเป็นประเพณีอันดีงามที่มีการละเล่นสืบทอดมายาวนาน แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยน เทคโนโลยีต่างๆเปลี่ยน สารประกอบและกรรมวิธีทำบั้งไฟเปลี่ยนไป เพื่อให้ตัวบั้งไฟพุ่งสูง ลอยตัวในอากาศนานขึ้น หลายครั้งเกิดอุบัติเหตุอานุภาพการระเบิดจะรุนแรง เสียหายมากกว่าในอดีต รวมถึงเกิดกรณีจุดบั้งไฟได้ไปรบกวนเส้นทางการบินจนอาจเกิดอันตราย

“วัชระ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ กฟผ.ผลิตไฟขัด รธน.

นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ได้ยื่นหนังสือส่งถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่านงานสารบรรณ ขอให้ตั้งคณะไต่สวนกรณียุบโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่อทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ และกรณีทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯเหลือกำลังการผลิต 17% ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 ส่อทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่ และค่ากระแสไฟฟ้ามีราคาสูงทำให้ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ ส่อทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่ ทุกครัวเรือนทั่วไทยต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแต่ละเดือนแพงเกินจริงจนเดือดร้อนไปทั่วประเทศแล้ว ย่อมขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 เนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐต่ำกว่าร้อยละ 51 และอัตราค่าไฟฟ้าแพงเกินกว่าจะแบกรับภาระได้ ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือกระทำการส่อทุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์กับตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และส่อว่าขัดรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2560 มาตรา 56 หรือไม่ สืบเนื่องจากการยุบโรงไฟฟ้าพลังแก๊สธรรมชาติ ที่สร้างบริเวณเขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ไปจังหวัดอื่นในภาคกลางโดยไม่ชอบธรรมและไม่เป็นธรรมต่อประชาชนภาคใต้ 10 จังหวัด

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...