"ชัยธวัช" จัดหนัก งบปี 68 ไร้ยุทธศาสตร์ ไม่ตอบโจทย์ประเทศ แต่ตอบโจทย์รัฐบาล

"ชัยธวัช" ผู้นำฝ่ายค้าน ประเดิมจัดหนักรัฐบาล งบประมาณปี 68 อัด ไร้ยุทธศาสตร์ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เอาอนาคตประเทศไทยไปเสี่ยง ไม่ตอบโจทย์ประเทศแต่ตอบโจทย์รัฐบาลทางการเมือง ย้ำ สโลแกน "เจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้"

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 3,752,700 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 272,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8

เมื่อเวลา 11.00 น. นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวก่อนเข้าสู่การอภิปราย ขอฝากความห่วงใยไปยัง นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี โดยหวังสุขภาพท่านนายกฯ จะหายจากอาการป่วยโดยเร็ว เหตุก่อนหน้านี้ นายกฯ ได้อภิปราย ได้มีอาการเหมือนเหนื่อย และกระแอมไอหลายครั้งระหว่างการอภิปราย

โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า ประเด็นแรก งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 รัฐบาลกำหนดร่ายจ่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 3,752,700 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้ขาดดุลงบประมาณปี 2568 ประมาณกว่า 8.6 แสนล้านบาทเศษ ถือเป็นการวางวงเงินกู้ไว้สูงสุด ทำให้รัฐบาลและประเทศเหลือพื้นที่กู้เพิ่มได้ประมาณ 5,000 ล้านบาทเท่านั้น เปรียบเทียบกับปี 67 ถือเป็นการจัดงบประมาณเพิ่มสูงสุดในประวัติศาสตร์ เรียกว่ากู้เกือบเต็มเพดาน

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2567 ครั้งที่แล้ว พวกผมพรรคก้าวไกลก็ผิดหหวังกับการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลชุดเก่า แต่พอมาปี 2568 นี้ ยิ่งเราไปดูรายละเอียด ยิ่งผิดหวังไปอีก เพราะเป็นการจัดงบประมาณแบบแทบจะเหมือนเดิม เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ ดิจิทัลวอลเล็ต จัดสรรงบประมาณแบบเดิมๆ จัดสรรงบเหมือนดูมียุทธศาสตร์แต่ไม่มียุทธศาสตร์ พูดสวยหรู และลงรายละเอียดมีแต่เบี้ยหัวแตก ตัวชี้วัดงบประมาณก็เหมือนเดิม คือใช้ไม่ได้

...

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า หันไปดูรายจ่ายในการลงทุนของงบประมาณปี 2568 ก็ไม่มีผลลงทุนทางเศรษฐกิจจริงๆ แต่ไปยึดโยงทุนที่ทำให้รัฐบาลเข้ามาเป็นรัฐบาล สิ่งสำคัญเป็นการตอกย้ำ รัฐบาลใหม่ของเรา ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรแน่ กระทรวงต่างๆ ก็ต่างคนต่างทำ ผู้นำรัฐบาลก็มีแต่ข้อสั่งการ แต่ไม่รู้ให้ทำอะไร ข้าราชการก็เลยจัดให้ เป็นโครงการเดิมๆ แต่แปะป้ายใหม่ แล้วรัฐบาลก็ยังดันทุรัง กลายเป็น “เจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้”

“โดยรวมผลการพยายามจัดสรรงบประมาณมาใช้ในโครงการดิจิทัล เสี่ยงเป็นหนี้ระยะยาว ชัดเจนว่าเราจะสูญเสียพื้นที่ทางการคลัง หากเราจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกฉินจริง หรือต้องมีงบลงทุนขนาดใหญ่รัฐบาลชุดนี้ประสบปัญหาวิกฤติการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล พอเข้ามาบริหาร วันนี้ก็ยังสร้างความเชื่อมั่นไม่ได้ว่า จะพลิกฟื้นปัญหาปากท้องให้ประชาชน ทางออกรัฐบาลเหลือทางเดียวคือต้องทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พลิกฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาให้เป็นความหวังพี่น้องประชาชน" นายชัยธวัช กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากสุดท้ายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศจริง การจัดสรรงบฯ ปี 68 ไม่ได้จัดเอาโจทย์ประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เป็นการแก้วิฤติการเมืองของรัฐบาลเอง แต่เอาอนาคตประเทศวางเป็นเดิมพัน อย่างที่ผมว่า “ประเทศเจ๊งไม่ว่าต้องรักษาหน้าพรรคแกนนำให้ได้” ยืนยัน ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายฉาบฉวย ไม่ได้คิดเบ็ดเสร็จแต่ต้น ทำให้เราเห็นการคิดไปคิดมา แต่ก็เห็นแกนนำรัฐบาลบอก ดิจิทัลวอลเล็ต หวังกระตุ้นการบริโภค ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ อย่างที่นายกฯ ว่า แต่ก็เราดูแล้วการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ สมัยนี้อาจใช้ไม่ได้แล้วครับ เพราะเราจะเจอปัญหาหลุมดำ 2 หลุมดูดเม็ดเงินออกไปต่างประเทศ

หลุมดำแรก สินค้าราคาถูกจากประเทศจีน ดูดออกไป จากสินค้าต่างๆที่เข้ามาสู่ประเทศไทย

หลุมดำหลุม 2 คือ อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ ขยายตัวมากขึ้นอยู่แล้ว เป็นส่วนแบ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ยืนยันปัจจัยหลัก คือประเทศถึงเวลาปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนได้แแล้ว โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพการผลิตในอุตสาหกรรมใหม่ได้แล้ว การเอาอนาคตของประเทศไปเสี่ยงไม่ตอบโจทย์ประเทศ แต่ตอบโจทย์รัฐบาลเท่านั้น เพราะต้องเน้นการลงทุน ไม่ได้เน้นการบริโภค เราเห็นแต่รัฐบาลสนับสนุนฝั่งไปซื้อรถยนต์อีวี แต่ยังไม่เห็นใช้งบประมาณฝั่งส่งเสริมการผลิตเลย เพื่อเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมอีวีมีแต่คำพูดหรูๆ เท่านั้น

นายชัยธวัช ยืนยัน งบประมาณของรัฐบาลที่จัดสรรงบประมาณไม่ตอบโจทย์ประเทศ ผมกำลังสงสัย โจทย์รัฐบาลกับโจทย์ประเทศไม่ใช่โจทย์เดียวกัน การจัดสรรงบประมาณฉบับนี้สะท้อนให้เห็นว่า การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลวันนี้มักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะเอางบประเทศไปแก้วิกฤติตนเอง โดยเอาอนาคตประเทศไปวางเดิมพัน และด้วยเหตุผลอภิปรายมาทั้งหมด ไม่สามารถเห็นชอบงบประมาณ ปี 2568

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง ให้ถอนคำว่า “เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้” เพราะเป็นการพูดเสียดสี ตามข้อบังคับ 69 แต่ประธานสภาวินิจฉัย ให้พูดได้ ยังอยู่ในข้อบังคับ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...