“จุรินทร์” อภิปรายงบประมาณ 2568 เป็ดขี้เหร่ ซัด เงินดิจิทัลกลายเป็นนโยบายเรือเกลือ พร้อมตั้งฉายารัฐบาล “นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ” เย้ย ใช้งบมหาศาลแต่โพลออกมาประชาชนยังไม่พอใจ
วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 3,752,700 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยในเวลา 11.37 น. เข้าสู่การอภิปรายของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวว่า ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบงบประมาณ 2568 แทนประชาชน เพื่อให้งบประมาณแผ่นดินเกิดความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามกฎหมาย สะท้อนความเป็นห่วงต่อการเมือง เศรษฐกิจ และการไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล
สำหรับงบประมาณ 2568 เป็นฉบับที่รัฐบาลนี้ทำเอง ภาพรวมทั้งขี้ฮก ขี้เหร่ เหมือนเห็นสภาเป็นศาลาโกหก เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำตามที่เคยพูดไว้ ขี้เหร่แรก เรื่องรายได้ เมื่อรายได้น้อย รายจ่ายมาก จะทำประเทศเป็นหนี้มาก จึงเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง รายได้สุทธิของปีนี้เหลือ 76.9% ของวงเงินงบประมาณ ลดลงจากปีก่อน การเก็บรายได้ก็ยังต่ำกว่าเป้า
ขี้เหร่ที่ 2 การขาดดุลงบประมาณ นอกจากไม่ลดจากปีที่แล้ว กลับเพิ่มการขาดดุลมหาศาล คือ 24.9% อาจจะอ้างว่าเอาไปทำดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่ได้ลดลงตามที่นายกรัฐมนตรีสัญญาไว้ และยังขาดดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เกือบชนวินัยการเงินการคลัง ขาดอีกเพียง 40 ล้านบาท ภายใต้รัฐบาลนี้ ถ้าครบวาระ 4 ปี ยังคิดจัดงบประมาณขาดดุลต่อไป จะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นทุกปี นี่คือภาระที่จะเกิดกับประเทศ
...
ขี้เหร่ที่ 3 เงินกู้ ที่รัฐบาลกู้ ซึ่งรวมถึงการกู้มาแจกดิจิทัลวอลเล็ตด้วย กู้เกือบ 2 ล้านล้านบาท ในการบริหารเกือบ 2 ปี ปีนี้ขอยกให้เป็นนักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ
ขี้เหร่ที่ 4 การตั้งตัวเลข GDP สูงเกินจริง งบประมาณปี 2568 เอาฐานเกินจริงมาคำนวณ กลายเป็น GDP ฟองสบู่
ขี้เหร่ที่ 5 ดิจิทัลวอลเล็ต จากนโยบายเรือธงกลายเป็นนโยบายเรือเกลือ ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะทำทันที พร้อมตั้งคำถามว่าจนวันนี้รัฐบาลยังไม่มีงบประมาณในส่วนนี้สักบาทใช่หรือไม่ และยังพบพิรุธการเบิกจ่ายงบฉุกเฉินต่ำมาก เพียงหลักพันล้านบาท จึงตั้งข้อสังเกตว่าจะให้งบฉุกเฉินเหลือมากๆ เพื่อนำมาใช้กับดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ หากเป็นจริงถือว่าใจดำมาก เพราะจะส่งให้ GDP ต่ำเตี้ย เพียงเพื่อให้เหลือเงินไปสนองพรรคการเมือง นอกจากงบประมาณแล้วยังรวมไปถึงเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่ได้ถามคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าเงินที่จะยืม ธ.ก.ส. ใช้ได้หรือไม่ เหมือนตั้งใจจะมาลักไก่ ถ้าสภาอนุมัติแล้วกฤษฎีกาบอกทำไม่ได้ ก็จะเป็นหมัน และมองว่าดิจิทัลวอลเล็ต อนาคตยังเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“งบ 68 มันเหมือนงบเป็ดขี้เหร่ เพราะทั้งหลอกสภา ทั้งทำสัดส่วนรายได้สุทธิน้อยกว่าเดิม ทั้งทำงบขาดดุลมากสุดในประวัติศาสตร์ ทั้งจะกู้มากขึ้นตลอดอายุรัฐบาล ทั้งวาดฝัน GDP ฟองสบู่ ทั้งลักไก่งบกู้มาแจก ขอเงินเป็นแสนล้านทั้งที่ยังไม่ถามกฤษฎีกาสักคำว่าทำได้หรือไม่ ที่สำคัญก็คือว่า รัฐบาล 2 ปี และกำลังขอ 3.75 ล้านล้าน รวมแล้ว 6-7 ล้านล้าน ผลงานมันไม่ประทับใจจอร์จเลย ผลสัมฤทธิ์ของงานที่ปรากฏออกมา มันสวนทางกับตัวเลขงบประมาณที่ขอไป ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม”
นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า แม้รัฐบาลจะใช้เงินมหาศาล แต่นิด้าโพลกลับสะท้อนว่าประชาชนยังไม่พอใจมากถึง 66% โดยรัฐบาลอ้างโพลสำนักงานสถิติแห่งชาติ แต่หากดูรายละเอียดจะพบความจริงเรื่องที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไข 3 อันดับแรก คือ ค่าครองชีพ ค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันแพง จากนั้นมีการเปิดคลิปย้อนไปในช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เคยหาเสียงเรื่องค่าน้ำมันว่าจะลดลงทันที่ถ้าได้เป็นรัฐบาล และนายกรัฐมนตรียังเคยพูดในการพิจารณางบประมาณ 2567 ว่า จะทำให้คนไทยรวยขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี แต่หลายวาระยังห่างเป้ามาก
อีกเรื่องที่น่าห่วงคือ รัฐบาลกำลังซ้ำเติมประชาชนด้วยนโยบายบาป นอกจากหวยรัฐบาล (ลอตเตอรี่) แล้ว ยังกำลังจะมีหวยเกษียณ หวย 3 ตัว (N3) ซึ่งในส่วนของหวยเกษียณ ตนสนับสนุนเพราะช่วยในเรื่องการออม ซึ่งพวกตนเริ่มไว้นานแล้ว แต่หวย 3 ตัว น่าเป็นห่วงว่าจะซ้ำเติมประชาชน เพราะทำจริงจะรวยขึ้นกี่คน คนไม่ถูกรางวัลจนลงหมด จะรวยขึ้นได้อย่างไร ขอฝากรัฐบาล 3 หวยช่วยกลับไปทบทวน
เรื่องการเมือง นายจุรินทร์ ระบุว่า ไม่พูดคงไม่ได้ กรณีหุ้นตก ตลาดหลักทรัพย์ดิ่งเหว ต่างชาติเทขาย แต่นายกรัฐมนตรีบอกเป็นเพราะการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ความจริงร่วงตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาแล้ว จึงขอถามว่า การเมืองปัจจุบันใครทำ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลนี้มีส่วนสร้างปัญหาขึ้นมา เรื่องแรกคือการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปลี่ยนตัวคนใช้งบประมาณ ปรับแบบต่างตอบแทน 1 เป็นต่างตอบแทน 2 หลังปรับรัฐมนตรีออก 3 คน ทำให้นำไปสู่คดีในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง 40 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทำหน้าที่ในวาระ ถ้าไม่ปรับ ครม. จะถูกร้องเช่นนี้หรือไม่ และยังทำให้เสถียรภาพรัฐมนตรีเหมือนถูกเอาผ้าขาวม้าห้อยไว้ ไม่รู้ว่าจะรอดหรือร่วง
เรื่องที่ 2 นายกรัฐมนตรี 2 คน ที่ยังคุกคามตามหลอน ด้อยค่านายกรัฐมนตรีอยู่ และยังลามไปการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องตระหนัก ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ เหมือนรถยนต์ 1 พวงมาลัย 2 คนขับ แม้นั่งเก้าอี้คนละตัว แต่จับพวงมาลัยพร้อมกัน น่าหวาดเสียวสำหรับประเทศหรือไม่
เรื่องที่ 3 พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินถึงทำได้ มีผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยในอนาคต เพราะเป็นสารตั้งต้นท่ีจะพาประเทศไปสู่ความปรองดอง หรือความแตกแยกครั้งใหญ่อีกครั้ง จึงขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐบาลคุมเสียงข้างมาก มีนโยบายจะสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่, จะสนับสนุนการนิรโทษกรรม ที่รวมคดีทุจริตมาตรา 157 และมาตรา 112 หรือไม่ เพราะเสียงบางคนในรัฐบาลเริ่มแปร่ง หวั่นจะเป็นนิรโทษกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะอดีตเคยสอนมาแล้ว จากนิรโทษกรรมครึ่งเข่ง เป็นยกเข่ง ขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลช่วยตอบ และจบการอภิปรายในเวลา 12.14 น. ต่อด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรกของฝ่ายรัฐบาล.
