ศาล รธน.ลงมติ “เอกฉันท์” พ.ร.ป.เลือก สว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก้าวไกลหวัง “ไต่สวน” ยุบพรรค

ศาล รธน.มติเอกฉันท์ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 4 มาตราไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนคดียุบก้าวไกล ให้นำสำนวนไต่สวนคดีที่ศาล รธน.เคยวินิจฉัย 3/2567 มารวมในสำนวน นัดพิจารณาต่อไป 3 ก.ค. ขณะที่คดี สว. 40 คน ร้องถอดถอนนายกฯ ไปลุ้นกันต่อ 10 ก.ค. “วิษณุ” ส่งเลขาฯ ครม.เป็นพยาน ย้ำปมมาตรฐานจริยธรรม-ซื่อสัตย์สุจริตตัวชี้ขาด “ชัยธวัช” ใจชื้นมีโอกาสเปิดไต่สวน “พิธา” ไม่หวั่นถูกร้องละเมิดอำนาจศาล “จุลพันธ์” ยอมทบทวนเงินดิจิทัลซื้อไอโฟน กล่อมนักลงทุนคดีร้อนๆคลี่คลายตลาดหุ้นคืนสู่ปกติ สภาฯมติเอกฉันท์ 451 ต่อ 0 ผ่าน พ.ร.บ.ปฆระชามติวาระแรก “ปิยบุตร” ร่วมวง กมธ. นายกฯหายป่วยพร้อมแจงงบฯ 68 เลือก สว.จังหวัดวุ่นร้องกันนัว ทนายสิทธิร้องศาลสอบกรมราชทัณฑ์ ดึงภาพวงจรปิด “บุ้ง”

หลังถูกจับตาการนัดพิจารณาคดีการเมืองสำคัญ 3 คดีในวันเดียวกัน ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 4 มาตรา ตามที่มีผู้ร้อง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ส่วนคดีอื่นกำหนดนัดพิจารณาครั้งต่อไป

...

“วิษณุ” ส่งเลขาฯ ครม.เป็นพยาน

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 18 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีว่า ศาลรัฐธรรมนูญให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานครบกำหนดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ลักษณะเดียวกับคดีของพรรคก้าวไกลเป็นการเริ่มพิจารณา ผลยังไม่เกิดขึ้นใน 1-2 วันนี้ ส่วนพยานที่ส่งไปเพิ่มเติมมีเพียง 1 คน คือนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นบุคคลที่รู้กระบวนการทั้งหมด เมื่อถามว่าเท่าที่ตรวจดูคำชี้แจงเป็นไปได้ที่นายกฯจะรอดหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่มีความเห็น หากให้บอกว่าไม่รอดแน่ๆก็ประหลาด หรือให้บอกว่ารอดแน่ๆก็พูดไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ในกระบวนการเพื่อให้ศาลสบายใจ ส่วนรายละเอียดคำชี้แจงเดี๋ยวคงมีการเปิดเผยกัน ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพียงแต่ในชั้นนี้ศาลยังไม่ได้พิจารณา เราจะมาพูดแถลงนอกศาลไม่ได้

จริยธรรม-ซื่อสัตย์สุจริตปมชี้ขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า 2 เรื่องที่รัฐบาลไม่ได้ถามคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต มีการชี้แจงต่อศาลไปหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ส่งคำอธิบายไป แต่ไม่ได้ถึงขนาดอธิบายเป็นคำนิยาม เพราะเป็นคำที่เข้าใจกันอยู่ทั่วไป เพียงแต่คำว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือมาตรฐานจริยธรรม มีความหมายตามรัฐธรรมนูญ และมีกระบวนการ คำว่ามาตรฐานจริยธรรมไม่ใช่เป็นที่เราแต่งขึ้นเอง แต่เป็นคำเฉพาะที่เหมือนชื่อคน เป็นชื่อกฎหมาย ถ้าจะมากล่าวหาว่าใครผิดมาตรฐานจริยธรรม ต้องร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชื่อว่าเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ศาลพิจารณา เพราะอย่างอื่นสามารถพิสูจน์เป็นรูปธรรมได้ เช่น เคยติดคุกหรือไม่ เคยต้องคำพิพากษาหรือไม่ แต่เรื่องมาตรฐานจริยธรรมไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ หากไม่มีกระบวนการโดยเฉพาะต่างหาก เรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อยู่ๆจะไปบอกว่าใครไม่ซื่อสัตย์สุจริตตามรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะทำให้ขาดคุณสมบัติตลอดชีวิต

ชี้ “พิชิต” ออกไปแล้วถือว่าจบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในอดีตเคยมีคดีลักษณะเดียวกันหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เป็นกรณีที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่และมาร้องเรียนเพื่อเอาออกจากตำแหน่ง แต่กรณีนายพิชิต ชื่นบาน ปัจจุบันได้ออกจากตำแหน่งไปแล้วก็จบ เป็นเรื่องที่ตั้งไปแล้ว เป็นรัฐมนตรีแล้ว หลายคนเป็นพฤติกรรมที่ทำไปแล้วเป็นชิ้นเป็นอันในขณะนั้น เมื่อถามย้ำว่ามาตรฐานจริยธรรมต้องวัดหลังจากดำรงตำแหน่งใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า แล้วแต่ศาลเราบอกก่อนไม่ได้ เมื่อถามอีกว่าหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ครั้งนี้จะถือเป็นบรรทัดฐานเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เป็นบรรทัดฐาน เมื่อถามว่าเป็นเพราะนายกฯไม่รู้พฤติกรรมในอดีตใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ขอไม่อธิบายตรงนี้ ขอไปอธิบายกันในศาล ส่วนผลจะออกมาเร็วหรือช้า ไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ภายใน 3-7 วันนี้ และหลังจากนี้ไม่ต้องชี้แจงแล้ว เพราะได้ส่งพยานไปแล้ว 1 คน

เลขาฯ ครม.พร้อมแจงศาล รธน.

นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงความพร้อมในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า คงพูดอะไรได้ไม่มาก เมื่อถามว่ามั่นใจในการชี้แจงในฐานะพยานหรือไม่ นางณัฐฏ์จารีตอบว่า เราก็ทำตามขั้นตอน ทั้งนี้ยังไม่ทราบกำหนดนัดสอบพยาน ยังไม่ทราบจริงๆ

4 มาตรา ก.ม.สว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

ต่อมาเวลา 12.30 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยเเพร่เอกสารข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญปรึกษาคดีสำคัญ กรณีศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งผู้ฟ้องคดีรวม 2 คำร้อง เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่ ต่อมาผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 คำร้อง ยื่นคำร้องเพิ่มเติมขอนำส่งข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 2 คำร้อง ไม่ได้ส่งคำร้องดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา212 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 41 วรรคสาม ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องเพิ่มเติมไว้พิจารณาวินิจฉัย และมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มา ซึ่งสว.มาตรา 36 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107

เริ่มนับหนึ่งคดียุบพรรคก้าวไกล

ศาลรัฐธรรมนูญยังพิจารณาคดีที่ กกต.โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ขอให้สั่งยุบพรรค เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ผู้ถูกร้อง และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง กก.บห. และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็น กก.บห.พรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค

ยังไม่จบนัดพิจารณาต่อ 3 ก.ค.

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า 1.เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณากำหนดให้บุคคลเสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าต่อศาลรัฐธรรมนูญตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป 2.มีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 3.กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 3 ก.ค. 4.กำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค.

ถอดถอน “เศรษฐา” ลุ้นต่อ 10 ก.ค.

นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังพิจารณาคำร้องกรณี สว. 40 คน ร้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 กรณีนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 ทั้งที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสอง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของนายพิชิต แต่ในส่วนของนายเศรษฐามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ซึ่งนายเศรษฐาได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานประเด็นที่ศาลกำหนดยื่นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 10 ก.ค.

“ชัยธวัช” ใจชื้นมีโอกาสเปิดไต่สวน

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคหวังว่าจะมีการเปิดไต่สวน หากมีการนัดไต่สวนคิดว่ากระบวนการกว่าจะมีการวินิจฉัยได้อย่างเร็วน่าจะเป็นเดือน ส.ค. หวังพยาน ปากสำคัญมีโอกาสให้การต่อศาล ขั้นตอนต่อไปเราเตรียมพร้อมเรื่องพยาน และรอฟังมติศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 3 ก.ค. และวันที่ 9 ก.ค. ยังไม่ต้องเปลี่ยนแผน ส่วนเรื่องพรรคสำรองยังไม่ถึงเวลา ต่อสู้ให้ถึงที่สุดก่อน เรื่องนี้เป็นกระบวนการปกติไม่ได้เป็นสัญญาณบวกหรือลบ เพียงแต่เราเห็นว่าในคดีที่มีโทษถึงยุบพรรค ตัดสิทธิ กก.บห. การเปิดไต่สวนและเผยแพร่ต่อสาธารณะ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เมื่อถามว่าท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้เป็นไปตามคาดหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า อย่างน้อยคิดว่ามีโอกาส คิดว่าข้อต่อสู้ของเราก็มีน้ำหนักที่มีประเด็นที่ศาลต้องพิจารณา

“พิธา” ไม่หวั่นละเมิดอำนาจศาล

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธาน ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสได้ ไต่สวนหรือสืบพยาน เราคงมีโอกาสอธิบายเหตุและผล และความไม่เชื่อมโยงกันกับคดี 3/2567 แต่คาดว่า คงไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเป็นคนละมาตรา คนละกฎหมาย ย้ำว่ามั่นใจทั้ง 9 ข้อ ต่อสู้ของพรรค สามารถซักค้านได้ในทุก ประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อถามว่ามีผู้ร้องว่าละเมิดอำนาจศาล นายพิธาตอบว่า เป็นไปตามกระบวนการ คิดว่าศาลน่าจะเห็นไปตามหลักกฎหมายและความยุติธรรม อนุญาตให้มีโอกาสเปิดเผยหลักฐานชัดเจน ถือเป็นดุลพินิจของศาล คงไปก้าวล่วงไม่ได้ ย้ำว่า ไม่ได้กังวล

“สุริยะ” แทนนายกฯนำถก ครม.

เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่ลาป่วยจากการติดเชื้อ โควิด-19 ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ติดภารกิจช่วงเช้าเข้าร่วมประชุมสภาสมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มีรัฐมนตรีแจ้งลารวม 6 คน ทั้งนี้ ก่อนประชุมบรรดารัฐมนตรี ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

“หนู” ชี้คดี “ทักษิณ” ไม่กระทบ รบ.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงคดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ในฐานะเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็รู้จักท่าน อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเกิดขึ้นกับท่าน แต่เป็นเรื่องของกระบวนการ เมื่อถามว่าในแง่ของเศรษฐกิจ ประชาชนหวั่นวิตกจนทำให้เกิดหุ้นตกในรอบ 4 ปี จะเรียกความเชื่อมั่น ของประชาชนกลับคืนมาอย่างไร นายอนุทินตอบว่า อันนี้ถึงบอกว่ามันเหมือนกลัวผี มันไม่มีจริง เกิดมาก็ไม่เคยเจอผีแต่กลัวไปก่อน ทำให้เสียโอกาส รัฐบาลชุดนี้มีเสถียรภาพ มีเสียงสนับสนุนถึง 314 เสียง ตรงนี้คำว่าเสถียรภาพเกิดแน่นอน “เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. หุ้นตก บอกเพราะผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่มา เขายังไม่เดินเข้ามาเราก็ไปตกใจขายหุ้นหมด แล้วไปโทษ ตรงโน้นตรงนี้ ตีตนไปก่อนไข้ แล้วใครเจ็บ เราเจ็บเอง คนขายเจ็บ ทั้งที่คนที่มาเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ปลัดกระทรวง อธิบดี อย่างไรก็ต้องมีคุณงามความดี มีความรู้ความสามารถ ไม่งั้นจะผ่านกระบวนการคัดเลือกมาได้อย่างไร”

ยอมทบทวนเงินดิจิทัลซื้อไอโฟน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีนายกฯสั่งให้ทบทวนเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต ไปซื้อสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าว่า นายกฯค่อนข้างห่วงเรื่องนี้ เพราะกลไกการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ต้องการให้มีการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการผลิตและการจ้างงานเป็นหลัก ได้ส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตพิจารณาทบทวนแล้ว คาดว่า 1-2 สัปดาห์ได้สรุป และจะนัดประชุมปลายสัปดาห์หน้า เรื่องนี้ตนและนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เคยทักท้วง แต่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติจริงบางส่วน ร้านค้าบางร้านขายของหลายประเภท เมื่อถามถึงแหล่งเงินที่จะใช้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะสอบถามกฤษฎีกาเมื่อใด นายจุลพันธ์ตอบว่า เมื่อถึงเวลา มั่นใจว่าทัน ดูกรอบเวลาอยู่ ไม่มีข้อกังวล ยังไม่ได้คิดแผนรองรับหากไม่ได้เงินจาก ธ.ก.ส. เนื่องจากตอนนี้ใช้ 2 แหล่ง คือ งบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 แต่ต้องดูความเหมาะสม องค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งการลงทะเบียนนำมาประกอบกันด้วย ทั้งนี้ การจะใช้เงิน ธ.ก.ส.ต้องจ่ายผ่านช่องทางบัญชีของเกษตรกร คนที่เป็นเกษตรจะได้รับ แต่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ

คดีร้อนคลี่คลายตลาดหุ้นคืนสู่ปกติ

เมื่อถามถึงกรณีหุ้นตกลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนอย่างไร นายจุลพันธ์ตอบว่า ต้องเข้าใจว่ามาจากปัจจัยการเมืองด้วยกระทบต่อตลาดหุ้น เพราะสถานการณ์การเมืองเดือนนี้มี 3-4 คดีใหญ่ แต่ไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน ฉะนั้นสภาพตลาดยังคงความแข็งแกร่ง รวมถึงกลไกของรัฐบาลที่ผลักดันการลงทุนต่างประเทศ พัฒนาคุณภาพแรงงาน เชื่อว่าทั้งหมดจะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดพื้นฐานได้ อีกไม่กี่วันเรื่องที่เกิดความลังเลและสงสัยของตลาด สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีความกระจ่างชัด เชื่อว่าตลาดจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ย้ำว่าเป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่รัฐบาลต้องมีมาตรการออกมาช่วยภายหลัง

“บิ๊กป๊อด” ไม่เคยได้ยินเขี่ย พปชร.

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พปชร.จะถูกเช็กบิลเขี่ยพ้นพรรคร่วมรัฐบาลว่า ไม่เคยได้ยินกระแสข่าวนี้ จากที่ได้คุยกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะเอา พปชร. ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะมีการปรับ ครม.ในเร็ววันนี้ เมื่อถามถึงกระแสข่าวคนในพรรค พปชร.ไปดีล สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มาร่วม พล.ต.อ.พัชรวาทตอบว่า ไม่เห็น มีเพียงข่าวที่ไปเขียนกัน

“ผู้กอง” รอคิวเป็นเจ้าภาพดินเนอร์

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า ไม่ทราบกระแสข่าวพรรค พปชร.จะถูกเช็กบิลพ้นพรรคร่วมรัฐบาล ในพรรคยังไม่ได้เจอกันเลย เมื่อถามว่ากระแสข่าวจะโดนปรับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเพราะกรณี 40 สว.ร้องให้ถอดถอนนายกฯหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่มี ส่วนกระแสข่าวออกมาได้อย่างไร ไม่ทราบ และพรรค พปชร.รอคิวเป็นเจ้าภาพดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลครั้งต่อไปอยู่

เคาะ ครม.สัญจรโคราช 1-2 ก.ค.

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯเห็นชอบกำหนดจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 4/2567 จ.นครราชสีมา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง 1 (จ.ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์) ระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค. พร้อมมอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ดังกล่าวเป็นประธานประชุมบูรณาการการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอประเด็นและวาระการพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อที่ประชุม ครม.

สภาฯเริ่มถกกฎหมายประชามติ

ช่วงเช้าที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ จำนวน 4 ฉบับ เสนอโดย ครม. พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 4 ฉบับมีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน คือ ขอแก้ไขผลการออกเสียงประชามติที่ถือเป็นข้อยุติ จากเดิมที่มีเงื่อนไขกำหนดล็อกไว้ 2 ชั้นคือ 1.ต้องมี ผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ 2.ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ ให้มีขั้นตอนผ่านการทำประชามติได้ง่ายขึ้น แต่ละฉบับเสนอแก้ไขให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์คะแนนเสียงที่ผ่านประชามติแตกต่างกันไป อาทิ ร่างของรัฐบาล ขอให้ยึดเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง และคะแนนเสียงข้างมากต้องมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง และสูงกว่าคะแนนโหวตโน ร่างพรรคเพื่อไทย ให้ยึดเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนโหวตโน แต่ไม่มีเงื่อนไขเรื่องต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ร่างพรรคก้าวไกล ให้ยึดเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ขณะที่ร่างของพรรคภูมิใจไทย เสนอให้แบ่งการทำประชามติเป็น 2 ประเภทคือ 1.ประชามติเพื่อให้คำปรึกษาแก่ ครม. ให้ยึดเอาเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง 2.ประชามติเพื่อหาข้อยุติ ให้ยึดจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีคะแนนสูงกว่าคะแนนโหวตโน

สส.ชักแถวหนุนให้แก้เงื่อนไข

จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้ สส.แสดงความเห็น สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าควรมีหลักเกณฑ์ที่ผ่านการทำประชามติง่ายขึ้น ไม่ต้องยึดเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น เนื่องจากการออกเสียงประชามติเป็นเพียงการสอบถามความเห็นประชาชนในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง บางประเด็นอาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป จึงไม่ออกมาใช้สิทธิ จึงไม่ควรนำจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงมามีผลต่อการออกเสียง รวมถึงเสนอให้เพิ่มรูปแบบการทำประชามติในแบบอื่น เช่น ไปรษณีย์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมนอกเหนือจากช่องทางการใช้บัตรลงคะแนน โดยให้ กกต.ออกแบบระบบป้องกันการทุจริต ขณะที่ สส. บางส่วนเสนอให้สามารถทำประชามติได้ในวันเดียวกับการเลือกตั้ง สส. หรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อประหยัดงบประมาณสภาฯ

สภาผ่านฉลุย “ปิยบุตร” ร่วมวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากใช้เวลาอภิปรายเกือบ 5 ชั่วโมง ในที่สุดที่ประชุมมีมติรับหลักการวาระแรก ด้วยเสียงเห็นชอบเอกฉันท์ 451 เสียง ต่อ 0 งดออกเสียง 1 จากนั้นเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน อาทิ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้รับการเสนอชื่อในโควตาพรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายศุภชัย ใจสมุทร อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา ใช้ร่างของ ครม.เป็นหลักในการพิจารณา

ชาวสีรุ้งเฮ สว. ผ่านสมรสเท่าเทียม

ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม ตามที่ กมธ.วิสามัญของวุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้ว มีกลุ่ม LGBTQIAN+ และภาคประชาชน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย โดย สว. ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อสร้างความเท่าเทียมในทุกเพศสภาพทางสังคม หลังจากที่ สว. แสดงความคิดเห็นในวาระ 2 ครบทั้ง 69 มาตรา ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบวาระ 3 ด้วยคะแนน 130 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 18 ให้ส่งเรื่องไปยัง ครม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

เปิดทำเนียบฉลองสมรสเท่าเทียม

ต่อมา เวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานงานเลี้ยงรับรองเพื่อแสดงความยินดีกับ จุดเริ่มต้นของสมรสเท่าเทียม หลังที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆประจำประเทศไทย นายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ, นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือวู้ดดี้, นายธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล หรือดีเจบุ๊คโกะ ร่วมงาน ขณะที่กลุ่ม LGBTQIAN+ และภาค ประชาชน เดินขบวนแรลลี่จากสภาผู้แทนราษฎรมายังทำเนียบรัฐบาล

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ โพสต์ลงโซเชียล ระบุว่า ขอชื่นชมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่ช่วยกัน ผลักดันร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม จนผ่านมาถึงจุดนี้ พวกเราต่อสู้กันมายาวนาน เพราะเราเชื่อในสิทธิที่ เสมอภาคและเท่าเทียมกันของคนทุกคน วันนี้เป็น เวลาของเราทุกคนแล้วเราจะเดินไปด้วยกันต่อ เพื่อผลักดันกฎหมาย และข้อเรียกร้องอื่นๆอีก งานฉลองนี้ ฉลองให้กับจุดเริ่มต้นของความรักที่เท่าเทียม ความหลากหลาย

นายกฯหายป่วยพร้อมแจงงบฯ 68

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียม สส.อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 20 คน และวันที่ 19 มิ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมรับฟังการอภิปราย เมื่อถามว่าพรรคไทยสร้างไทยเตรียมอภิปรายเรื่องข้าราชการในกระทรวงคมนาคม ที่มีการเรียกรับส่วย นางมนพรตอบว่า ถ้าพูดเรื่องนี้ต้องมีพยานหลักฐานให้แน่ชัดว่ารับกับใคร กล่าวหากันลอยๆไม่ได้ ยังไม่ได้รับรายงาน แต่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้ว หากร้องมาว่าเป็นใคร จะตั้งคณะกรรมการสอบ หากผิดก็ว่ากันไปตามผิด

“ประเสริฐ” ฟุ้งวาระแรกผ่านฉลุย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. มีการพูดคุยเตรียมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 68 มั่นใจผ่านวาระแรก เมื่อถามว่าที่ประชุม สส.มีการพูดคุยถึงสถานการณ์คดีทางการเมือง 4 คดีใหญ่บ้างหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า “ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้มีอะไร” เพียงติดตามสถานการณ์เท่านั้น ทุกคนในพรรคมีความเป็นห่วง เป็นเรื่องธรรมดา

“ทวี” ไม่หวั่น ยธ.ถูกชำแหละ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าไม่ห่วงเรื่องการชี้แจงงบประมาณในส่วนกระทรวงยุติธรรม ที่ผ่านมาได้รับความเห็นใจจาก สส.ทุกครั้ง ในงบประมาณด้านยาเสพติดที่มองว่าได้รับน้อยไป ในส่วนกรมราชทัณฑ์ สถานที่คุมขัง และเรือนจำมีสภาพเก่าเป็นร้อยปี อยากให้มีการแก้ไข

มท.1 คลายปมงบฯหาย 5 หมื่น ล.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าทุกกระทรวงต้องมีข้อมูลไว้คอยชี้แจง รัฐมนตรีแต่ละคนพร้อมชี้แจงหากโดนพาดพิง เมื่อถามว่าเกิดความสงสัยว่าเหตุใดงบฯของกระทรวงมหาดไทยจึงหายไป 5 หมื่นล้านบาท นายอนุทินตอบว่า ไม่ต้องสงสัย 5 หมื่นล้านบาทที่หายไปเป็นไปตามนโยบายกระจายอำนาจ สมัยก่อนงบฯดังกล่าวต้องผ่านกระทรวงมหาดไทย ในอนาคตจะลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ อบจ.ลงไปถึงเทศบาลเสนองบฯตรงไปยังสำนักงบประมาณ จำนวน 5 หมื่นล้านบาท เริ่มตั้งแต่งบฯปี 68 พอปี 69-70 อาจหายไปเป็นแสนล้านบาท เป็นไปตามกฎหมายกระจายอำนาจ ต่อไปกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่แค่ดำเนินการเมื่อถูกร้องขอมา

เลือก สว.ระดับจังหวัดวุ่นร้องกันนัว

อีกเรื่อง ที่สำนักงานการเลือกตั้งประจำจังหวัดศรีสะเกษ อดีตผู้สมัคร สว. นำโดยนายอาลัย หงส์ทอง อดีตผู้สมัคร สว. กลุ่ม 8 เดินทางมายื่นหนังสือกับนายเอกฤกษ์ พร้อมชัยอนันต์ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดศรีสะเกษ ขอให้ตรวจสอบข่าวและคลิปข่าวที่ระบุว่าการเลือก สว. มีการกระทำผิดกฎหมาย นายอาลัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากตามที่มีข่าวออกไปตามสื่อต่างๆ อ้างว่ามีการจ่ายเงินจ้างเลือก สว. ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา เชื่อว่าเป็นการกระทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 77 และมาตรา 79 ชัดเจน เช่นเดียวกับที่สำนักงาน กกต.จังหวัดเชียงใหม่ นายชิษณุพงศ์ ปุกคำนวล อาชีพทนายความ ผู้สมัคร สว.กลุ่มที่ 2 เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.เชียงใหม่ ผ่านไปยัง กกต.กลาง ขอให้สอบสวนการเลือก สว.ระดับจังหวัดเชียงใหม่ สืบเนื่องจากช่วงระหว่างลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 (กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม) ในรอบเช้า พบว่าผลการนับคะแนนมีผู้ไม่ได้รับเลือกเลย จำนวน 35 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิจำนวน 63 คน อันมีลักษณะสมยอมกันในการเลือก

ทนายสิทธิร้องศาลสอบราชทัณฑ์

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีศาลอาญา ขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือบุ้ง ทะลุวัง นายกฤษฎางค์กล่าวว่า หลังจากที่บุ้งเสียชีวิตจนถึงตอนนี้ ครอบครัวและญาติยังไม่ได้รับคลิปจากกล้องวงจรปิดหรือเอกสารใดๆเพิ่มเติมจากกรมราชทัณฑ์ จึงทําหนังสือขอให้อธิบดีศาลอาญาดำเนินการไต่สวนการเสียชีวิตของบุ้ง หลังจากได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่าบุ้งเสียชีวิตตั้งแต่ที่ รพ.ราชทัณฑ์ อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลอาญา เหตุผลที่อยากได้ภาพกล้องวงจรปิด เพื่อความโปร่งใสว่า รพ.ราชทัณฑ์มีการช่วยเหลือหรือทํา CPR ให้กับบุ้งรวมไปถึงการขนย้ายและการใส่ท่อช่วยหายใจ พิสูจน์ว่าที่แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจริงหรือไม่ ต้องมีคนรับผิดชอบ ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้สิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวในข้อหามาตรา 112 นั้น ตามหลักกฎหมายที่ยุติธรรม นายทักษิณต้องถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสู้คดีเป็นสิทธิของผู้ต้องหา เช่นเดียวกับผู้ต้องขังทางการเมืองอีกหลายคนควรต้องได้รับสิทธิดังกล่าวเช่นกัน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...