เหตุผล ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนต่อไป

ปรากฏการณ์ "เทย์เลอร์ สวิฟต์" ป็อปไอคอนแห่งยุค ทำคนทั่วโลก ตกตะลึ่งกับ "วัฒนธรรมสากล" อันทรงพลังนำพาคนชื่นชอบบทเพลง และหลงใหลความบันเทิงในแบบสวิฟต์ช่วยเชื่อมโยง จุดประกายการรวมตัวผู้คนเข้าด้วยกัน

หากมองให้ลึกสังคมอเมริกันในปัจจุบัน อาจกำลังต้องการแนวทางแบบเทย์เลอร์ สวิฟต์ เพื่อเติมเต็มช่องว่างและตอบโจทย์ประเทศ 

สวิฟต์เชื่อมโยง แสดงพลังหนึ่งเดียว

“เรย์ เดลิโอ” มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater Associates ได้ร่วมดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ในสิงคโปร์ และได้โพสต์ภาพเซลฟี่ภายในงานที่เต็มไปด้วยผู้ชมมหาศาล พร้อมบรรยายว่า ทำไมถึงคิดว่า สวิฟต์ควรเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีอ้างข้อความเดลิโอ โพสต์ทางอินสตาแกรมเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ก.พ.) ระบุว่า เขาเพิ่งไปดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ที่สิงคโปร์ และรู้เลยว่า สวิฟต์สามารถเป็นผู้นำชาวอเมริกันและผู้คนในประเทศได้ดีกว่าผู้สมัครคนไหน เพราะทำให้ "คนส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันได้” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด 

ผู้นำวัฒนธรรมสากล

เดลิโอบอกด้วยว่า การได้มาดูคอนเสิร์ตสวิฟต์ร่วมกันกับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้เขาและทุกคนในที่นี่ “รู้สึกดีและเชื่อมโยงถึงกัน” นั่นเป็นสิ่งย้ำเตือนว่า “วัฒนธรรมสากล” ทรงพลังเพียงใด

“จะดีกว่าไหม ถ้าผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐทั้งสองคน สามารถเป็นผู้นำวัฒนธรรมสากลได้ และตัดสินใจบนความเป็นผู้นำสหรัฐอย่างชาญฉลาด” เดลิโอระบุ

แม้ว่า จะเป็นโพสต์ขำขัน แต่นักการเมืองสหรัฐ และบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างรู้ดีถึงอิทธิพลอันทรงพลังของนักร้องเจ้าของรางวัลแกรมมี่ที่ทำลายสถิติและสร้างฐานแฟนคลับมหาศาล จนถูกยกย่องให้เป็นป็อปไอคอนแห่งยุค

จากนั้นเดลิโอได้ทวีตอัพเดทอีกครั้ง เพื่ออธิบายความคิดดังกล่าวจากโพสต์ข้อความแรกทางอินสตาแกรม

“ถึงเทย์เลอร์ สวิฟต์ของฉัน เป็นประธานาธิบดี! ซึ่งการแสดงความเห็นนั้น ไม่ ผมไม่ได้เมา (เห็นได้ชัดว่าผมพยายามเซลฟี่กับสวิฟต์) และใช่ ความเห็นนั้นเป็นเรื่องตลก แต่นั่นเป็นจริงเพียงครึ่งเดียว” เดลิโอโพสต์บน X

จุดกระแสไปเลือกตั้ง

เมื่อเช้าวันอังคาร (5 ก.พ.) สวิฟต์ได้โพสต์ข้อความทางการเมืองครั้งแรกในปีนี้ ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ บอกกับแฟนให้เข้าร่วมเลือกตั้งขั้นต้น “Super Tuesday” ของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ที่จัดพร้อมกันในหลายสิบรัฐ มีส่วนสำคัญผลักดันให้คนหนุ่มสาวออกไปลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งหลายหมื่นคน เพียงในวันเดียว

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บรรดานักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ให้เห็นถึงความสนใจในความเคลื่อนไหวของสวิฟต์ บางคนเชื่อมโยง “ทฤษฎีสมคบคิด” กับนักร้องสาวรายนี้

ขณะที่นักกฎหมายและนักวิเคราะห์ฝ่ายพรรคริพับลิกันบางคนชี้ว่า สวิฟต์เป็นส่วนหนึ่งของแผนหาเสียงของโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ในฐานะหนึ่งในผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้ ซึ่งไบเดน เป็นผู้บงการเบื้องหลังทั้งหมด หวังคว้าชัยชนะตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐได้สำเร็จ

บรรดาสวิฟตี้ แฟนคลับของนักร้องดัง พากันโพสต์ตอบกลับว่า “คุณต้องใจเย็นๆ เพราะสวิฟต์ยังแสดงว่าให้การสนับสนุนใดๆกับใคร ในการเลือกตั้งปี 2024

แต่สนับสนุนให้ชาวอเมริกัน ผู้ติดตามเธอในอินสตาแกรมได้ไปเลือกตั้งขั้นต้น Super Tuesday โดยปัจจุบัน มีผู้ติดตามสวิฟต์ทางอินสตาแกรมถึง 283 ล้านคนทั่วโลก

เดลิโอ เป็นผู้เปลี่ยนบริดจ์วอเตอร์ให้เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเขาเคยเน้นย้ำสิ่งที่เชื่อว่า จำเป็นต้องมีแนวทางความเป็นศูนย์กลางในการเมืองอเมริกันมากขึ้น

เติมเต็มพื้นที่แบ่งขั้ว ขัดแย้งการเมือง

ในความเป็นจริง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐจำนวนมาก ไม่ได้ยินดีกับการที่ไบเดน และทรัมป์กลับมาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง เพราะอาจเสี่ยงนำความขัดแย้งรุนแรง และสหรัฐแบ่งขั้วการเมืองมากยิ่งขึ้น

“สิ่งที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องการคือ คนกลางที่มีความแข็งแกร่งมาก” เดลิโอกล่าวบนฟอรั่มด้านการเงินแห่งหนึ่งเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา 

ตอนนั้นเดลิโอเห็นว่า นิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ เป็นผู้สมัครที่อนาคตสดใสที่สุด มาถึงตอนนี้เขาหวังว่า บางทีสวิฟต์จะมาเติมเต็มช่องว่างที่เหลือในการแข่งขันของฮาลีย์

The Eras Tour เป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่สร้างรายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นการแสดง 152 ครั้ง ใน 5 ภูมิภาค ในช่วงเวลา 21 เดือน

สวิฟต์บูท ศก.สหรัฐ

นับตั้งแต่สวิฟต์เปิดตัวทัวร์คอนเสิร์ต ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี และมีส่วนฟื้นเศรษฐกิจให้กับเมืองและรัฐต่างๆมากมาย ชนิดทำได้ดีเกินคาดฝันจากนักวิเคราะห์หลายคน

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์ว่า ภายในเดือน ต.ค. การแสดงคอนเสิร์ต การเดินทางและค่าใช้จ่ายของเหล่าแฟนคลับ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บลูมเบิร์กรายงานว่า เพียงเฉพาะในสิงคโปร์ประเทศเดียว ซึ่งได้จัดคอนเสิร์ต 6 วันติดกัน คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ได้ 225 - 300 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้

ที่มา : CNBC , Busuness Insider

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...