ความต้องการ 'ทองคำ' ของไทย' พุ่งสูงสุด' ในอาเซียน ดันราคาทำนิวไฮต่อ

Key points : 

  • ปี66 ความต้องการ "ทองแท่ง" ในไทย พุ่งสูงสุดในอาเซียน เพิ่มขึ้น 13% ที่ 32.9 ตัน จากปี65 อยู่ที่ 29 ตัน 
  • แม่ทองสุก มอง ราคาทองคำ พุ่งสูงขึ้น หนุนความต้องการทองคำแท่งเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 5%  
  • ในไตรมาส 2/2567 คาดว่าราคาทองคำน่าจะทำไฮมากขึ้นทะลุระดับ 35,000 บาทต่อบาท มีโอกาสทำ All Time High พีคสุดเดือนก.ย.-ต.ค. เหตุเฟดเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย น่าจะลด 5 ครั้งภายในปีนี้  
  •  YLG มอง ราคาทองคำโลกทั้งปีนี้ มีโอกาสสร้างระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 
  • ราคาทองคำไทย มีแนวโน้มปรับตัวสร้างระดับสูงสุดใหม่แนวต้านโซน 34,950 -35,350 บาท  ในไตรมาสแรกปีนี้  

 

ในปี 2566 สภาทองคำโลก (World Gold Council)  ความต้องการ "ทองแท่ง" โดยเมื่อเทียบเป็นรายปีประเทศไทยเพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 32.9 ตันในปี 2566 จาก 29 ตันในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำยังคงอ่อนแอเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนการเกิดโควิดที่ 63 ตันต่อปีตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2562

"Louise Street" นักวิเคราะห์ของ สภาทองคำโลก (World Gold Council)  ให้ความเห็นว่า นอกเหนือจากนโยบายการเงินแล้ว ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์มักเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของอุปสงค์ทองคำ

 ในปี 2567 เราคาดว่า สิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างชัดเจนต่อตลาด ความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ ความตึงเครียดทางการค้า และการเลือกตั้งมากกว่า 60 ครั้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาหาทองคำ


 

"กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ" ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่ม บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ หรือ แม่ทองสุก กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมความต้องการทองคำรูปพรรณลดลงประมาณ 10% เนื่องจากราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการทองคำแท่งเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 5%

เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนมากกว่าการซื้อเพื่อสวมใส่ ดังนั้นเทรนด์ในขณะนี้จึงไปทางทองคำแท่ง และการออมทองคำผ่านระบบดิจิตอลวอลเล็ตต่างๆ ได้แก่ Gold Wallet บนแอปเป๋าตัง และแม่ทองสุกออมทอง หรือ MGB ซึ่งขณะนี้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 30-40%นั้น

ดังนั้น ในช่วงโค้งแรกของราคาทองคำในประเทศ ปีนี้ น่าจะค่อยๆ "ทรงตัว" ในไตรมาส 1/2567 ระหว่างกรอบ 34,000-34,500 บาทต่อบาท และในไตรมาส 2/2567  คาดว่าราคาทองคำน่าจะทำไฮมากขึ้นทะลุระดับ 35,000 บาทต่อบาท 

ขณะที่ ราคาทองคำต่างประเทศ โค้งแรกคาดว่าจะเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 2,000-2,050 ดออลาร์ต่ออนซ์  ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2 ระหว่าง 2,050-2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยมีโอกาสทำ All Time High ในช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ของปีนี้

เนื่องจากปัจจัยหนุนสำคัญ จาก "เฟดเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย" ในเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป คาดว่า น่าจะลด 5 ครั้งภายในปีนี้  โดย "ราคาทองคำน่าจะพีคสุด" ในเดือนก.ย.-ต.ค.ในปีนี้

นอกจากนี้ปัจจัยด้านสงคราม รวมถึงปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั่วโลกที่เริ่มถือครองทองคำมากกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเช่นเดียวกัน

"พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG กล่าวว่า  ข้อมูลสำหรับทองคำในเดือนม.ค. ที่ผ่านมานี้ อาจยังไม่สามารถระบุถึงรายละเอียดดังกล่าวได้อย่างแน่ชัด

แต่หากพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวโยง มีแนวโน้มที่ความต้องการซื้อทองคำในไทยจะยังอยู่ในทิศทางปรับตัวขึ้นสุทธิต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

โดยในเดือนก.พ.นี้ คาดว่าจะได้แรงหนุนจากการซื้อทองคำล่วงหน้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน และการย่อตัวลงของราคาทองคำในช่วงเดือนม.ค.  

ราคาทองคำโลก ในช่วงไตรมาส 1/2024 คาดว่า จะยังไม่มีการสร้างระดับสูงสุดใหม่ เนื่องด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยังไม่เกิดขึ้นในการประชุมรอบเดือนมี.ค. นี้ อย่างที่ตลาดเคยคาดหวังไว้ในช่วงปลายปี2566 จนถึงช่วงก่อนการประชุมรอบเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ในปัจจุบันตลาดได้มีการปรับคาดการณ์ จากเดิมที่ให้น้ำหนักต่อคาดการณ์ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เปลี่ยนเป็นการเริ่มปรับลดในเดือนพ.ค. 


อย่างไรก็ดี ราคาทองคำในช่วงเดือนมี.ค. มีความเสี่ยงต่อการปรับตัวลง จากผลการประชุมรอบเดือนมี.ค. ที่จะมาพร้อมกับประมาณการภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฉบับแรกของปี 2567 โดยหากผลการประชุมไม่ได้ชี้นำถึงความเป็นไปได้ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ หรือในรายงานประมาณการดังกล่าว มีการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ

รวมไปถึงตัวเลขคาดการณระดับอัตราดอกเบี้ยของเฟด หรือค่ากลางดอทพอท ทั้งหมดนี้ จะกดดันให้ตลาดปรับลดความเชื่อมั่นต่อคาดการณ์ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในไตรมาส 1 ของปี รวมถึงลดขนาดการปรับลดดังกล่าว 
หากเกิดสถานการณ์ดังข้างต้น ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น กดดันให้ราคาทองปรับตัวลง

อย่างไรก็ดี หากตัวเลขเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐนั้น โดยเฉพาะข้อมูลเงินเฟ้อยังคงออกมาแข็งแกร่ง มีแนวโน้มที่ตลาดอาจมีการหั่นความเชื่อมั่นลงก่อนการประชุมรอบเดือนมี.ค. ได้เช่นกัน 


ทั้งนี้ จากความเป็นไปได้ต่อการเคลื่อนไหวในระดับสูงของค่าเงินดอลลาร์ ค่าเงินบาทจึงยังมีแนวโน้มอยู่ในทิศทางอ่อนค่า แต่อาจเป็นการอ่อนค่าลงในระดับจำกัด เนื่องด้วยการตรึงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย และการฟื้นตัวขึ้นของระดับเงินเฟ้อในไทย

แต่กระนั้น "พวรรณ์" มองว่า ราคาทองคำโลก อาจปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 2,066-2,089 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองคำไทยมีแนวโน้มปรับตัวสร้างระดับสูงสุดใหม่แนวต้านโซน 34,950 -35,350 บาท  ในไตรมาสแรกปีนี้  

ทั้งนี้ จากระดับราคาทองคำโลกที่อาจย่อตัวลง จึงมีแนวโน้มที่นักลงทุนในประเทศจะทยอยเข้าซื้อเก็บทองคำ ทำให้ไทยยังคงมีความต้องการซื้อทองคำโดยรวมสุทธิ แต่มีความเป็นไปได้ที่ระดับความต้องการซื้อดังกล่าว อาจมีการชะลอตัวลง ตามทิศทางของราคาทองคำในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น   

ราคาทองคำโลกทั้งปีนี้ มีโอกาสสร้างระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใต้เงื่อนไข อาจเกิดขึ้นบนเงื่อนไขที่เฟดต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากว่า 3 ครั้ง จากที่เคยประมาณการไว้ในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา 
 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

มาแล้ว รายชื่อ 11 ตัวจริง อาร์เซนอล-ลิเวอร์พูล บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกคืนนี้

มาแล้ว รายชื่อ 11 ตัวจริง อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ก่อนดวลเดือดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤศ คืนนี้ เริ่มแข...

ถึงเวลาต้องเลือก ‘อิหร่าน’ โต้กลับ หรือเลี่ยงความรุนแรง ‘อิสราเอล’

เหตุการณ์อิสราเอล โจมตีอิหร่าน ทำให้สงครามตะวันออกกลางรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่ง "การหลีกเลี่ยง หรือจะเสี่ย...

จีนเผย ‘ท่าประตูสู่อาเซียน’ ส่งออกชิ้นส่วนรถ NEV พุ่ง 70 เท่าใน 5 ปี

สำนักข่าวซินหัวรายงาน เมื่อนับถึงวันที่ 22 ต.ค. มีตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุชิ้นส่วนยานยนต์พลังงานใหม่ 1...

เอ็นเอชเค คาด พรรคแอลดีพีไม่ได้เสียงข้างมากในสภา

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข่าวด่วน อ้างการคาดการณ์จากสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น เบื้องต้นยังไม่ทรา...