"บิ๊กทิน" ลั่น เรือดำน้ำยึดประโยชน์ "กองทัพเรือ" เป็นหลัก ตอก “วิโรจน์” อย่าเบี่ยงประเด็น สด.43 ปลอม ชี้ ผิดทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมลงโทษ จนท. บอกไม่มีนโยบายเอาข้อมูลให้คนนอก แต่ถ้าเอาไปให้ส่วนตัวก็ไม่อาจรู้ได้
เมื่อเวลา 09.42 น. วันที่ 6 ก.พ. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการศึกษาการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ขณะนี้กรรมการได้ครบลงตัวโดยจะเริ่มประชุมนัดแรกในวันที่ 6 ก.พ.นี้ โดยมีเวลาทำงานหนึ่งเดือนเพื่อดำเนินการให้ได้ข้อสรุป ขอย้ำว่า การพิจารณาจะซื้อเรือดำน้ำต้องยึดประโยชน์ของกองทัพเรือเป็นหลัก และดูว่าความต้องการสามารถทำได้
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปม สด.43 ระบุเดินหน้าตรวจสอบทหารขายใบ สด.ปลอม ว่า อยากให้สังคมพิจารณาด้วยความเป็นธรรม กรณีใบ สด.43 เกี่ยวข้องกับสองฝ่าย คือ ผู้ที่ไปขอ-และผู้ที่ให้ ซึ่งผิดทั้งคู่ แต่ต้องดูว่าฝ่ายใดเริ่มก่อน คงไม่มีใครไปเร่เสนอขาย ใบ สด.43 เพื่อกระทำผิด แต่อยากให้ดูว่า ใครเป็นต้นทางทำผิด อย่าเบี่ยงประเด็น หากตรวจสอบว่า ใครกระทำผิด กระทรวงกลาโหม ไม่เลี้ยงไว้แน่นอน แม้จะเกิดขึ้นหลายปีหรือบุคคลนั้นเกษียณไปแล้ว สามารถลงโทษย้อนหลัง ยกเลิกบำเหน็จ บำนาญทั้งหมด และนำตัวดำเนินคดีได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสั่งการหน่วยรักษาการรักษาดินแดน (นรด.) ไปตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า นรด.ตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ทุกปี และลงโทษคนทำผิดทุกปี แต่ไม่เป็นข่าว แต่ครั้งนี้ถ้าใครตรวจพบผู้ทำผิดให้ส่งข้อมูลมาที่กระทรวงกลาโหม เพื่อจัดการ เพราะตนเองมีนโยบายว่า คนที่จะมาเป็นทหารต้องเข้ามาโดยวิธีโปร่งใสและเป็นโดยสมัครใจและมีความสุข
...
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล อ้างว่า การขุดค้นเรื่องใบ สด.43 ของ สส.พรรคก้าวไกล เป็นฝีมือของกลุ่มไอโอ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่มีมูลหรือเหตุที่มา เมื่อพรรคก้าวไกล ไปตรวจสอบคนอื่น ก็ถูกคนอื่นตรวจสอบแล้วเจอด้วย เมื่อเจอ ต้องดำเนินไปตามกระบวนการ เพราะบ้านเรา มีนักร้องเรียนเยอะ เมื่อตรวจพบก็ต้องนำไปยื่นให้ตรวจสอบ
เมื่อถามย้ำว่า บางเพจ (วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร) ในโซเชียลมีเดีย นำข้อมูลเรื่องใบ สด.43 ของสส.พรรคก้าวไกล มาเปิดได้ เพราะได้ข้อมูลจากคนในกองทัพหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง เพราะยังไม่ได้ดู โดยนายกรัฐมนตรี ให้นโยบายว่า ห้ามเอาไปกลั่นแกล้งคนอื่น โดนให้นำไอโอมาใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ประชาสัมพันธ์งานกองทัพเท่านั้น ย้ำว่า เราไม่มีนโยบาย ให้คนในกองทัพนำข้อมูลไปให้บุคคลอื่น แต่ถ้าใครนำไปทำส่วนตัวก็ไม่อาจจะรู้ได้