กระแสตีกลับ ‘สหรัฐ’ ถล่มกลุ่มเอี่ยวอิหร่าน ในอิรัก - ซีเรีย หรือเดินเกมผิด?

Key Points :

  • กองทัพอิหร่านเรียกการโจมตีของสหรัฐ ต่อกองกำลังติดอาวุธในอิรักและซีเรีย  เป็นการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดมาก 
  • ทางการซีเรีย และอิรัก ประสานเสียงชี้การโจมตีนี้ เพื่อจุดไฟเผาสร้างความขัดแย้งในตะวันออกลาง ทั้งยังละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน
  • ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า การที่สหรัฐโจมตีกลับล่าช้าเกือบหนึ่งสัปดาห์ อาจต้องการให้อิหร่านถอนกำลังพลออกจากพื้นที่ และหลีกเลี่ยงขยายวงความขัดแย้ง
  • รองกรรมาธิการยุโรป เรียกร้องความสงบสุขคืนสู่ภูมิภาค เพราะตะวันออกลางเหมือนกาต้มน้ำร้อน พร้อมระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ 

 

สหรัฐกำลังเผชิญการประณามจากอิหร่าน อิรัก ซีเรียและเสียงเตือนจากพันธมิตร แม้ครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนจากลอนดอน ภายหลังการโจมตีทางอากาศในอิรักและซีเรีย เพื่อตอบโต้เหตุโดรนติดอาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในจอร์แดน ซึ่งได้คร่าชีวิตทหารสหรัฐ 3 นายเมื่อสัดสัปดาห์ที่แล้ว 

กองทัพอิหร่านออกแถลงการณ์เรียกการโจมตีของสหรัฐ ต่อกองกำลังติดอาวุธในอิรักและซีเรีย เป็นการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดมาก 

 

 

สหรัฐ เขย่าความมั่นคงตะวันออกกลาง

"การโจมตีซีเรียและอิรักเมื่อคืนนี้ ถือเป็นปฏิบัติการสุ่มเสี่ยง และเดินยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดครั้งหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งไม่ส่งผลอะไรนอกจากความตึงเครียดและสั่นคอนความมั่นคงที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง" นัสเซอร์ คานาอานี โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านกล่าว

สหรัฐเปิดฉากโจมตีกลับเป้าหมายเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ของวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) มุ่งเป้าหมาย 85 จุดใน 6 แห่ง รวมถึงศูนย์บัญชาการ คลังอาวุธ และห้องหลบภัยใต้ดินของกลุ่มติดอาวุธ

การโจมตีของสหรัฐ ไม่ได้มุ่งไปที่อิหร่านหรือผู้นำอาวุโสนักรบคุดส์ ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) โดยตรง แต่มุ่งไปที่กลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนนอกดินแดน ท่ามกลางคำยืนยันจากรัฐบาลเตหะรานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีฐานที่เรียกว่า ทาวเวอร์22 ในจอร์แดน

 

จับตาอิหร่าน เติมไฟสงคราม

อิหร่านและกองกำลังติดอาวุธจะตอบสนองการโจมตีครั้งนี้อย่างไร เป็นสิ่งที่ทั่วโลกหวาดหวั่นต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

"จะไม่มีภัยคุกคามใดๆ ไม่ได้รับคืนสนอง" พล.ต.ฮูสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนลี ได้กล่าวไว้วันพุธ (31 ม.ค.) ก่อนที่ปฏิบัติการตอบโต้ของสหรัฐจะเริ่มต้นขึ้น

คำพูดของเขามีขึ้นหนึ่งวันหลังอามีร์ ซาอีด อิราวานี เอกอัครราชทูตถาวรอิหร่าน ประจำสหประชาชาติบอกกับนักข่าวในนิวยอร์กว่า "จะดำเนินการตอบโต้อย่างเด็ดขาด" ต่อการโจมตีอิหร่านใดๆ ก็ตาม

หากแต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า การที่สหรัฐโจมตีกลับล่าช้าเกือบหนึ่งสัปดาห์ อาจต้องการให้อิหร่านถอนกำลังพลออกจากพื้นที่ และหลีกเลี่ยงขยายวงความขัดแย้ง

 

"หากคุณรู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าหมาย ก็แค่หนีหายไป" เจ้าหน้าที่ระดับสูงอิรักกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญตะวันออกลางเชื่อว่า อิหร่านจะตอบสนองเหตุการณ์นี้ ด้วยสิ่งที่คล้ายคลึงกับการที่สหรัฐลอบสังหารนายพลคาเซ็ม ซูลีมานี ผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษคุดส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ IRGC โดยเพียง 5 วันหลังเหตุการณ์ดังกล่าว อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐในซีเรีย แม้ได้แจ้งล่วงหน้าให้สหรัฐรู้ก่อนไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม

ซีเรียไม่ทน โดนละเมิดอธิปไตย

แถลงการณ์ของกองทัพซีเรียระบุว่า การโจมตีของสหรัฐได้คร่า "ชีวิตพลเรือนและทหาร" ไปจำนวนหนึ่ง รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บอีกมาก และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน และสาธารณะมากมาย 

"การที่กองกำลังสหรัฐเข้ามาถือครองพื้นที่ซีเรียบางส่วน ตอนนี้ไม่อาจดำเนินต่อไปได้" กองทัพซีเรียระบุและยืนยันว่า เรามุ่งมั่นจะปลดปล่อยดินแดนซีเรียทั้งหมดจากการก่อการร้ายและการยึดครองของฝ่ายใดๆ

กระทรวงการต่างประเทศซีเรียกล่าวว่า การโจมตีนี้มีขึ้นเพื่อจุดไฟเผาความขัดแย้งในตะวันออกลาง และยังละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนซีเรีย

"ซีเรียขอประณามสหรัฐได้ละเมิดอธิปไตยอย่างโจ่งแจ้ง และปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อข้ออ้างและคำโกหกทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐ เพื่อใช้อ้างแก้ต่างในการโจมตีครั้งนี้ 

รามี อับดุลราห์มาน ผู้อำนวยการองค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรียอ้างว่า การโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย ส่วนหนึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่เป้าหมายของสหรัฐครั้งนี้ 

สถานการณ์ในอิรักก็ได้รับความเสียหายไม่แพ้กัน โมฮัมเหม็ด ชี อัล-ซูดานี รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวในวันเสาร์ (3 ม.ค.)ว่า มีผู้เสียชีวิต 16 ราย ในจำนวนนั้นเป็นพลเรือนและบาดเจ็บ 25 รายจากการโจมตีดังกล่าว

 

อิรัก จับโกหก ประสานโจมตีก่อนหน้า

รัฐบาลอิรักได้เรียกอุปทูตสหรัฐ ประจำกรุงแบกแดด เพื่อแสดงการประท้วงและไม่พอใจอย่างเป็นทางการ

ในแถลงการณ์อิรักได้ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า เป็นการรุกรานครั้งใหม่ต่ออธิปไตยอิรัก ทั้งยืนยันว่า

รัฐบาลแบกแดดไม่เคยได้รับการประสานงานจากวอชิงตันไว้ล่วงหน้า และขอเรียกคำกล่าวใดๆของสหรัฐว่าเป็นคำ "โกหก" 

"การที่มีกลุ่มพันธมิตรทางทหารนำโดยสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ ได้กลายเป็นเหตุผลสร้างการคุกคามและเสถียรภาพในอิรัก โดยเฉพาะใช้เป็นข้ออ้างให้อิรักเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้ง ทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ" แถลงการณ์อิรักระบุ

 

ฮามาส มองสหรัฐสุ่มไฟตะวันออกลาง

กลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านยังได้ร่วมประณามด้วย โดยระบุว่า สหรัฐต้องรับผิดชอบต่อผลการโจมตีไล่รุกหลายสิบเป้าหมาย ในอิรักและซีเรีย

"สหรัฐกำลังเทน้ำมันรดกองไฟ รับรองเลยว่า ภูมิภาคนี้จะไม่พบกับความมั่นคง หรือสันติภาพ จนกว่าการอ้างเหตุผลเพื่อใช้รุกราน และอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหลายดินแดนของตะวันออกลาง รวมถึงชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาจะยุติลง" แถลงการณ์กลุ่มฮามาสระบุ

อังกฤษ ยืนหนึ่งหนุนสหรัฐใช้สิทธิโต้กลับ

หากแต่ตอนนี้ มีเพียงรัฐบาลอังกฤษแสดงการสนับสนุนวอชิงตัน ในการโต้กลับโจมตีดังกล่าว

"สหราชอาณาจักรและสหรัฐเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เราไม่ขอแสดงความเห็นต่อปฏิบัติการของสหรัฐ แต่จะสนับสนุนสิทธิที่สหรัฐพึงมีในการตอบสนองหลังโดนโจมตี" โฆษกรัฐบาลอังกฤษระบุในแแถลงการณ์

เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐและอังกฤษได้เปิดฉากโจมตีกลุ่มฮูตีพร้อมกันทั่วเยเมน หลังจากกบฏฮูตี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้โจมตีเส้นทางขนส่งทางเรือในทะเลแดง เพราะต้องการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวปาเลสไตน์ต่อต้านอิสราเอล

อียู เตือนตะวันออกลางพร้อมระเบิด

ขณะที่ โจเซฟ บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงเหตุการณ์บานปลายในตะวันออกกลาง

"ทุกฝ่ายควรพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไปกว่านี้" บอร์เรลล์กล่าวในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียู ที่กรุงบรัสเซลส์

แม้บอร์เรลล์ไม่ได้กล่าวถึงเหตุสหรัฐโจมตีในอิรักและซีเรียโดยตรง แต่เขาเตือนย้ำว่า "ตะวันออกลางเหมือนกาต้มน้ำร้อน พร้อมระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้"

ราเดค ซิกอร์สกี้ รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์กล่าวในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียูว่า กลุ่มกองกำลังที่อิหร่านให้การสนับสนุนเหล่านี้ ก่อเหตุความรุนแรงมานานหลายปี ตอนนี้ถึงเวลาทุกฝ่ายได้รับผลการกระทำ

เช็กทหารสหรัฐ ในอิรักและซีเรีย

มีรายงานว่า มีทหารสหรัฐประจำการในอิรัก ประมาณ 2,500 นาย และในซีเรียประมาณ 900 นาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งแนวร่วมมีขึ้นปี 2557 เพื่อต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) โดยปีนั้นกลุ่มนักรบญิฮาดเข้ายึดครองพื้นที่ประมาณ 1 ในสามของอิรัก

นับตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุโดรนติดอาวุธและจรวดโจมตีกองกำลังพันธมิตรในอิรัก และซีเรีย มากกว่า 165 ครั้ง โดยส่วนใหญ่ถูกกลุ่ม IRGC อ้างเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม กองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านบางส่วน ถูกจัดอยู่ในลิสต์ภัยคุกคามต่อฐานทัพสหรัฐมาหลายปี แต่กลุ่มนี้ได้ยกระดับปฏิบัติการโจมตีที่เข้มข้นขึ้น หลังอิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คน และอีก 253 คนยังคงถูกจับเป็นตัวประกัน

ที่มา : Times of Israel , BBC

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...