"เด็กชวน-ศิริภา" ตีปาก "วรชัย-พายัพ" ร้อนตัว ป้อง "นายใหญ่" ถาม จี้ใจดำ คุ้มหรือ? ช่วยคนคนเดียวแลกกับระบบยุติธรรม เตือน ภาพความทรงจำ ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน 2552 คนทั้ง 2 คน ก็รู้ดี รับโทษแท้จริงเป็นเช่นไร
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2567 น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร อดีตผู้สมัคร สส. กทม.และคณะทำงานนายชวน หลีกภัย กล่าวถึงกรณีนายวรชัย เหมะ และ นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ร้อนตัว หลังนายขวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “เหลียวหลังแลหน้า ธรรมศาสตร์” เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่แสดงความเป็นห่วง และเตือนแพทย์โรงพยาบาลตำรวจอย่าเซ็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง เพราะเกรงจะเป็นเหมือน รุ่นน้อง 2 คน ที่จบธรรมศาสตร์ เป็นตำรวจยศ พล.ต.อ. กับ พ.ต.อ. ต้องติดคุก 2 ปี จากความเกรงใจนั้นว่า สิ่งที่นายชวน พูดเป็นข้อเท็จจริงที่สังคมกำลังตั้งคำถาม ในฐานะที่ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองได้แสดงความกังวลถึงหลักการในกระบวนการยุติธรรม ที่เกรงว่าจะถูกทำลายจากการปฏิบัติสองมาตรฐาน และมีความเป็นห่วงข้าราชการระดับล่างที่มักตกเป็นเหยื่อการทุจริตของนักการเมือง ซึ่งมีหลายคดีทุจริตเป็นตัวอย่างแล้ว ที่ข้าราชการระดับล่าง มักได้รับโทษก่อน และหนักกว่าตัวบงการเสมอ ส่วนนักการเมืองที่เป็นคนบงการก็หลบหนีไปเสวยสุข ชีวิตของข้าราชการคนหนึ่งต้องจบลงด้วยโทษจำคุก และถูกตราหน้าว่า ทุจริตต่อหน้าที่ วันนี้เราจึงได้เห็นข้าราชการระดับอธิบดีที่ไม่ยินยอมตกเป็นเครื่องมือของการทุจริต ทั้งกรณีอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลและล่าสุด กรณีอธิบดีกรมการข้าว
น.ส.ศิริภา กล่าวต่อว่า นายวรชัยและนายพายัพ ควรพึงสังวรณ์ และทบทวนดูว่ามีรัฐมนตรี และข้าราชการในอดีตต้องติดคุกไปกี่คน จากการเป็นเครื่องมือของนักการเมืองในคดีทุจริต แต่หากจะนับนักการเมืองที่ต้องโทษจำคุกด้วยจากพรรคของท่านนิ้วมือท่านก็นับไม่พอ ประเทศไทย มีนายกฯ 2 คน ต้องคดีทุจริต ประพฤติมิชอบจนต้องหลบหนีออกจากประเทศ ไปเสวยสุข ท่านน่าจะรู้จักดี เช่นเดียวกับรัฐมนตรีอีกหลายคนที่ถูกนายใหญ่ทอดทิ้ง ต้องจบชีวิตการเมืองอยู่ในเรือนจำ วันนี้ชัดเจนแล้วว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร รับสารภาพว่า กระทำความผิด เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ต้องโทษจำคุกให้คนไทยได้จดจำ จนชั่วลูกชั่วหลาน นายวรชัย และนายพายัพ ภูมิใจหรือ ควรเอาเวลาไปตอบสังคม ว่า อดีตนายกฯที่เป็นนักโทษคนนี้ ได้เข้าคุกรับโทษแล้วหรือยัง มันคุ้มค่าหรือไม่ที่ต้องเอาคนคนเดียวมาแลกกับระบบกระบวนการยุติธรรมที่เสียไป
...
“ดิฉันเชื่อว่าทั้งนายวรชัยและนายพายัพ รู้เป็นอย่างดีว่า การรับโทษที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะเคยมีประวัติติดตัวถูกสั่งจำคุกในคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552 มาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นคนไทยทั้งประเทศ ก็ไม่เคยลืมภาพที่ผู้นำหลายประเทศ ต้องเผชิญกับสถานการณ์โกลาหล และรีบกลับประเทศ จนสร้างความอับอายไปทั่วโลก ที่มีการบุกสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และทำลายข้าวของอย่างป่าเถื่อน” น.ส.ศิริภา กล่าว
