ป.ป.ช. รวบ “ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก” ขู่เรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว 3 ล้าน

ป.ป.ช. ร่อนเอกสาร รวบ “ศรีสุวรรณ จรรยา-เจ๋ง ดอกจิก กับพวก” รวม 3 ราย ข่มขู่เรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว 3 ล้าน ต่อรองเหลือ 1.5 ล้าน อ้างเอาเงินไปให้ กมธ. เพื่อแลกกับการไม่ถูกร้องเรียน

วันที่ 26 ม.ค. 67 สํานักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอํานวยการของ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายให้ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อํานวยการสํานักสืบสวนและกิจการพิเศษ, นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อํานวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2, พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสํานักงาน ป.ป.ท. จับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา กรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมร่วมกันร้องเรียนและเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 อธิบดีกรมการข้าว เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทํางานเขตตรวจสอบราชการที่ 11 ตามคําสั่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2566 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 โดยมีหน้าที่ และอํานาจ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ โดยมีพฤติกรรมร่วมกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวก รวม 3 คน ร่วมกันกลั่นแกล้งร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว ว่าทุจริตงบประมาณของกรมการข้าว ทุจริตจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ ของสมาชิกข้าวชุมชนจังหวัดนครราชสีมา โดยให้ภรรยาเปิดบริษัทเพื่อรองรับการทุจริต จัดซื้อ จัดจ้าง โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา ทําหน้าที่ยื่นเรื่องร้องเรียน และนายยศวริศ ชูกล่อม พร้อมกับพวก ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว และภรรยา เพื่อแลกกับการยุติการตรวจสอบติดตามการใช้งบประมาณภาครัฐ ผู้เสียหายเห็นว่าการกระทําของ นายศรีสุวรรณ และนายยศวริศ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ สภาผู้แทนราษฎร แต่กลับเรียกรับทรัพย์สินจากตนเอง และภรรยา โดยอ้างว่าจะนําจ่ายให้กับคณะกรรมาธิการฯ เพื่อไม่ต้องตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ กรมการข้าว

...

ซึ่งพฤติการณ์ทางการสืบสวนพบว่า นายศรีสุวรรณ ส่งหนังสือร้องเรียนกรมการข้าว ว่ามีการทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้าง และได้ติดต่อให้อธิบดีกรมการข้าว และภรรยา ไปเจรจาเรื่องร้องเรียนกับ นายศรีสุวรรณ ที่บ้าน ของนายศรีสุวรรณ โดยได้เรียกรับเงินจํานวน 3,000,000 บาท เพื่อยุติเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายยศวริศ คณะทํางานเขตตรวจราชการที่ 11 กับ นายศรีสุวรรณ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่สภาผู้แทนราษฎร ให้บุคคลทั่วไปได้รู้ และรับทราบร่วมกับคณะกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรมการข้าวมีการทุจริตอย่างมโหฬารหลักหมื่นล้าน ให้สื่อมวลชนติดตามเรื่อง จะนําข้อมูลมาเสนอต่อสื่อมวลชน และกรรมาธิการต่อไป

และต่อมา นายยศวริศ ได้ติดต่ออธิบดีกรมการข้าว แจ้งว่า จะมาขอพูดคุยด้วยในเรื่องที่ได้แถลงข่าวร่วมกับ นายศรีสุวรรณ จากนั้น นายยศวริศ ได้บอกให้อธิบดีกรมการข้าว ดูแล นายศรีสุวรรณ ไม่เช่นนั้นจะทําให้อธิบดีกรมการข้าวได้รับความเสียหาย กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดหรือไม่ผิด ก็ได้รับความเสียหายแล้ว จากนั้นจึงมีการต่อรองกันเหลือ 1,500,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ให้มีการร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว โดยให้จ่ายก่อนปีใหม่ จํานวน 100,000 บาท ภรรยาของอธิบดีกรมการข้าวเกิดความกลัวว่าจะเกิดความเสียหาย และถูกร้องเรียนกลั่นแกล้งเพื่อให้รับโทษทางอาญา จึงได้ให้เงินไป 2 ครั้ง เป็นเงินจํานวน 60,000 บาท

และต่อมา น.ส.พิมณัฏฐา หรือ เลขาฯตูน ได้ทวงเงินส่วนที่เหลือ โดยแจ้งว่า นายยศวริศ และนายศรีสุวรรณ จะนําไปจ่ายให้กับคณะกรรมาธิการติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ สภาผู้แทนราษฎร อีกหลายส่วน แล้วเรื่องการร้องเรียนต่างๆ จะจบ จากนั้นเลขาฯตูน แจ้งกับภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ว่า ภรรยานายศรีสุวรรณ แจ้งว่าให้นําเงินส่วนที่เหลือไปให้นายศรีสุวรรณที่บ้าน

ทางการสืบสวนเพิ่มเติมพบพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) นายศรีสุวรรณ จรรยา น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือเลขาฯตูน (เลขานายยศวริศ) ได้ร่วมกันกระทําความผิด ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจริง สํานักงาน ป.ป.ช. บก.ป.ป.ป. และสํานักงาน ป.ป.ท. จึงได้สนธิกําลังวางแผน ปฏิบัติการร่วมกันให้ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวนําเงินตามที่มีการเรียกรับส่วนที่เหลือไปให้ตนเองที่บ้าน ในวันที่ 26 มกราคม 2567 ตามเวลานัดหมาย นายศรีสุวรรณ ได้แจ้งให้ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวนําเงินไปมอบให้ที่บ้านของ นายศรีสุวรรณ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทําการแสดงตัวเข้าทําการจับกุม และตรวจค้นบ้านของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะทําการสืบสวนขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และนําตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง โดยที่เรื่องนี้ บก.ปปป. เมื่อได้รับคําร้องทุกข์แล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคํากล่าวหาที่พนักงานสอบสวนส่งมา จึงมีมติส่งเรื่องคืนให้พนักงานสอบสวนดําเนินการตามมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...