"อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ" สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย แนะจัดชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศ จับแก๊งทุจริตสอบท้องถิ่นกว่า 6 พันตำแหน่ง ส่วนปีหน้าดึง ก.พ.เป็นผู้จัดสอบแทน พร้อมขอบคุณ มท.1 ลงนาม MOU 5 หน่วงงานต้านโกง ทำการตรวจสอบโปร่งใส ชาวบ้านเกิดความสบายใจ
วันที่ 26 ม.ค. 67 นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU กับภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันท้องถิ่น เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2567 ระหว่าง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.), กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), และคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) เพื่อให้การจัดสอบแข่งขันฯ ในปีนี้ที่มีตำแหน่งว่าง 6,238 อัตรา โดยคาดว่าจะมีผู้สมัครสอบมากกว่า 500,000 คน เกิดความรัดกุมและโปร่งใส หลังตนได้รับข้อเรียกเรียนจากประชาชนในพื้นที่ศรีสะเกษ ว่า มีขบวนการแอบอ้างรับผลประโยชน์ จำนวนเงินประมาณ 6-7 แสนบาท เพื่อเข้าเป็นข้าราชการหรือพนักงานท้องถิ่น และตนนำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนต่อกระทรวงมหาดไทย (มท.) เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเกิดการลงนามดังกล่าวขึ้นมา
นายอาสพลธ์ กล่าวว่า เบื้องต้น กระทรวงมหาดไทย ได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นที่น่าพอใจ อาทิ เอาผิดทางกฎหมาย และตัดสิทธิ์เข้ารับราชการ หากพบว่าผู้สมัครสอบสมยอมให้มีการรับเรียกเงิน, ห้ามไม่ให้ข้าราชการทุกระดับเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการสอบ และเอาผิดบุคคลและสถาบันที่ติว หากมีรับผลประโยชน์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ต้องการเสนอแนะให้เพิ่มช่องทางแจ้งเบาะแสเอาผิด ผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 แล้ว ซึ่งมีเพียงช่องทางเดียว ด้วยการให้แต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ และภาคีที่เกี่ยวข้องจัดชุดเคลื่อนที่เร็วในกรณีถ้ามีผู้ร้องหรือแจ้งเบาะแส เพื่อจะได้จับผู้แอบอ้างผลประโยชน์ได้ทันท่วงที
...
นอกจากนี้ยังต้องการเสนอให้การสอบพนักงาน และข้าราชการส่วนท้องถิ่นในปี 2568 หรือปีต่อๆ ไปขอให้ยึดกระบวนการสอบของข้าราชการพลเรือนสามัญ ที่ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นผู้ดำเนินการสอบภาค ก. แทน หลังจากก่อนหน้านี้มีความกังวล และข้อครหาจากที่จัดสอบในปี 2567 มีการเปลี่ยนแปลงมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการจัดสอบ โดยปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นมหาวิทยาลัยเดิมที่มีการจัดสอบทุกปี ทำให้เกิดกระแสถึงความสงสัยว่าการสอบมีความโปร่งใสหรือไม่.