"วรชัย" ป้อง "ทักษิณ" กรีดกลับ "ชวน" อัดแรง ทำครอบครัวสะอาดก่อนว่าคนอื่น ซัด ดีแต่เก่งกับฝ่าย ปชต. แต่กับทหารกลับหงอ ด้าน "พายัพ" อัด มือถือสากปากถือศีล ใจไม่เป็นสุข
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2567 นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณี นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ปาฐกถาในหัวข้อ "เหลี่ยวหลังแลหน้า ธรรมศาสตร์" เมื่อวันที่ 21 ม.ค. มีเนื้อหาตอนหนึ่งเตือนแพทย์โรงพยาบาลตำรวจอย่าเซ็นอะไรที่ไม่ถูกต้องเพราะเกรงจะเป็นเหมือน รุ่นน้อง 2 คน ที่จบธรรมศาสตร์ เป็นตำรวจยศ พล.ต.อ. กับ พ.ต.อ. ด้วยความเกรงใจทำให้เป็นเหตุต้องติดคุก 2 ปี ตอนปลายชีวิต ว่า รุ่นน้องที่นายชวนพูด หากหมายถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตนมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.วาสนา ไม่ใช่คนโง่ อะไรผิดกฎหมายไม่ควรทำ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในขณะนั้น ก็ไม่สามารถสั่งการอะไร กกต.ได้ด้วย ที่เตือนแพทย์ รพ.ตำรวจนั้น วันนี้ เขาใช้ดุลยพินิจในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คือ อาการของนายทักษิณ มีการตรวจมีการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ ไม่ได้นั่งเทียน ที่ว่า ความลับไม่มีในโลก ทำไม นายชวน ไม่เตือน นายกิจ หลีกภัย พี่ชายตัวเองสมัยเป็นนายกฯ อบจ.ตรัง เพราะเพิ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด กรณีการซื้อที่ดินสร้างท่าเรือ ทำไมไม่เตือน นายระลึก หลีกภัย ที่เคยโกงเงินแบงก์จนหนีคดีจนขาดอายุความแล้วกลับมา นายชวน ควรเตือนญาติพี่น้องครอบครัวตัวเองก่อนว่า อย่าทำอะไรผิดกฎหมายแล้วจะติดคุก ก่อนจะออกมาเตือนคนอื่น ควรทำครอบครัวเองเองให้สะอาดเสียก่อนที่จะว่าใครได้
นายวรชัย กล่าวว่า นายชวน อย่าดีแต่เก่งกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเอง แต่กลับกันในยุคที่ทหารการยึดอำนาจ นายชวนกลับเงียบเหมือนเป่าสาก ไม่พูดอะไรเลย ไม่เคยต่อต้านการยึดอำนาจเลย บริหารพรรคประชาธิปัตย์จนเหือดแห้งเพื่อน สส.หายไปเกือบหมด อย่าเป็นคนใจแคบอิจฉานายทักษิณ ที่ทำพรรคชนะพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งมาโดยตลอด จนกลายเป็นความแค้น ยกตัวอย่างประเทศเกาหลีเมื่อเขามีความปรองดองในชาติประเทศก็เจริญก้าวหน้า ประเทศไทยวันนี้ต้องการปรองดองเพื่อแก้ปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน นายชวน อายุ 86 แล้ว ควรเข้าวัดเข้าวาทำบุญเสียบ้าง ไม่ใช่มาว่าคนโน้นคนนี้ตลอด ควรละความแค้นงดอิจฉาตาร้อนคนอื่น เพื่อให้ประเทศปรองดองและเดินไปข้างหน้าได้
...
ขณะที่ นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นายชวนจำได้แต่เรื่องของคนอื่น แต่เรื่องตัวเองและคนรอบข้างตนเองจำไม่ได้ หรืออาจจะไม่อยากจดจำก็ได้ ส่วนตัวรักและนับถือท่านชวน แต่ไม่ยอมให้สังคมไขว้เขว เพราะมองว่า นายชวนเต้าข่าว พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ไม่มีคนติดคุกเพราะทำตามคำสั่งนายทักษิณ เป็นเรื่องไม่จริงทั้งอดีต หรือปัจจุบันตามคำพูดของนายชวนแต่ฝ่ายเดียว เพราะอย่าลืมว่าข้าราชการ มีผู้บังคับบัญชา มีกฎระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินกำกับดูแล มีจรรยาแพทย์ควบคู่ในจิตใต้สำนึกของแพทย์ที่ต้องดูแลคนป่วย มิใช่จะทำอะไรก็ทำตามใจตนเองได้
"สิ่งที่นายชวน ควรทำมากที่สุด คือ ต้องยึดหลักสุจริต วิจารณ์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ใช่เอาวาระส่วนตัวแอบแฝง ทำงานเพื่อส่วนรวมเป็นหลักให้กับสังคมและประเทศชาติให้สมกับความอาวุโสความเป็นผู้ที่อยู่ในการเมืองมานาน แต่นี่ไม่ใช่แล้วเพราะการเสียดสี ใส่ร้ายผู้อื่นให้สับสนในข้อเท็จจริง หรือข่มขู่ให้สับสนในการปฏิบัติหน้าที่ของราชการจนเกิดความวิตกหวาดกลัวในการปฏิบัติงานตามกฎหมายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ถ้าท่านยังยึดมั่นในหลักการอันแน่วแน่ ก็อย่ามองแต่ปัญหาคนอื่น มองคนใกล้ชิดตัวเองด้วย ต้องมองคนรอบข้างท่านด้วยว่า ใครทุจริตเงินธนาคาร 300 ล้าน ใครถ่ายโอนหุ้นวนไปวนมาแม่ทีลูกที สมาชิกพรรคถูกร้องทุจริตเลือกตั้งทั้งก่อนหน้าและล่าสุด ไม่เห็นนายชวนออกมาแสดงความคิดเห็น หรือท่านน่าจะความจำสั้นเรื่องพวกตัวเอง แต่ความจำยาวกับเรื่องคนอื่น นายชวนก็อายุมากแล้ว ควรเข้าวัดทำบุญ สร้างกุศลแผ่เมตตา ให้อภัยเพื่อนมนุษย์บ้าง อย่าทำตัวตามสุภาษิต มือถือสากปากถือศีล ใจจะไม่เป็นสุข"
