พรรคไทยภักดี ยื่นหนังสือคัดค้าน “ทักษิณ” ขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล ชี้ เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เชื่อ ไม่ได้ป่วยรุนแรงจริง จี้อัยการสูงสุด เร่งรัดคดี ม.112
วันที่ 28 สิงหาคม 2566 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา นายอนันต์ สาครเจริญ เหรัญญิกพรรคไทยภักดี พร้อมด้วยตัวแทนพรรคไทยภักดี เดินทางมายังกรมราชทัณฑ์ เพื่อยื่นคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีกระแสข่าวและมีความเป็นไปได้ว่า นายทักษิณ จะทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะราย พรรคไทยภักดีจึงขอคัดค้านด้วยเหตุผล 3 ประการ ดังนี้
1. นายทักษิณ ต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตคอร์รัปชัน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมากถึง 4 คดี เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ เป็นการทำลายหลักธรรมาภิบาลของประเทศอย่างย่อยยับ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ ซ้ำร้ายยังมีพฤติกรรมหลบหนีการลงโทษไปต่างประเทศ ไม่เคารพยอมรับคำพิพากษาของศาล พร้อมทั้งกล่าวให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมของประเทศตลอดมา การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของ นายทักษิณ จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เป็นการผลักภาระความลำบากจากการกระทำความผิดของตนเอง ซึ่งมิบังควรอย่างยิ่ง
2. จะเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรง เป็นการสร้างความอยุติธรรมขึ้นมาในประเทศ เป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันทางกฎหมายของประชาชน ทำให้วาทกรรมที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ปรากฏเป็นจริงขึ้นมา ซึ่งกรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จะต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างเคร่งครัด
3. ในสมัยที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ยึดนโยบายที่จะไม่ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษในคดีทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อที่จะธำรงรักษาหลักธรรมาภิบาลแห่งรัฐไว้อย่างหนักแน่นมั่นคง ซึ่งควรเป็นนโยบายที่หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมจะต้องสืบทอดเอาไว้ การดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายให้นักโทษ จะเป็นแบบอย่างที่เลวร้ายต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะทำลายหลักธรรมาภิบาลแห่งรัฐซ้ำซ้อนซ้ำซาก
...
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า นายทักษิณ ไม่ได้มีอาการป่วยที่รุนแรงจริง เป็นเพียงการเลือกปฏิบัติให้กับผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเท่านั้น ถ้าหาก นายทักษิณ ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้จริง นักโทษคนอื่นก็สามารถยื่นได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พรรคไทยภักดีจึงขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของ นายทักษิณ อย่างถึงที่สุด
จี้อัยการสูงสุด เร่งรัดคดี ม.112
ในเวลาต่อมา นางอิสราพร นรินทร์ หัวหน้าพรรคไทยภักดี ยังได้มอบหมายตัวแทนพรรค ไปยื่นหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อเร่งรัดนำตัว นายทักษิณ ส่งฟ้องศาล คดีที่ทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่ง นายทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เมื่อปี 2552 ซึ่งมีข้อความอันเป็นการดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท อีกทั้งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ต่อมาปี 2558 กองทัพบกแจ้งความดำเนินคดี นายทักษิณ จากการกระทำดังกล่าว
แต่เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ อำนาจการสอบสวนจึงอยู่ภายใต้อัยการสูงสุด เป็นผู้สอบสวนดำเนินคดี มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีพนักงานอัยการร่วมกับตำรวจ ปอท. สอบสวนดำเนินคดี ซึ่งคณะกรรมชุดดังกล่าวมีความเห็นควรส่งฟ้อง นายทักษิณ ซึ่งอัยการสูงสุดก็มีคำสั่งฟ้องในเวลาต่อมา เมื่อ 6 ตุลาคม 2560 แต่ นายทักษิณ อยู่ระหว่างหนีคดีที่ต่างประเทศ ไม่สามารถนำตัวมาฟ้องศาลได้ จึงไม่ได้ดำเนินคดี แต่เมื่อบัดนี้ นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยแล้ว วันนี้จึงมาขอให้อัยการสูงสุดเร่งรัดนำตัวส่งฟ้องศาล อีกทั้งตำรวจ ปอท. มีการออกหมายจับในคดีนี้ตั้งแต่ปี 2559
“ปัจจุบัน นายทักษิณ ชินวัตร ได้กลับมาในประเทศไทย และถูกศาลออกหมายจำคุก ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ปรากฏตัวเป็นที่ชัดเจนแล้ว จึงขอให้อัยการสูงสุดดำเนินการนำตัว นายทักษิณ ชินวัตร มาฟ้องคดีต่อศาลโดยเร็ว”
