“สุดารัตน์” จี้รัฐเร่งปฏิวัติการศึกษา เป็นของขวัญวันเด็กที่ดีกว่าคำขวัญ

“สุดารัตน์” จี้รัฐบาลเร่งปฏิวัติการศึกษาเพื่อแก้วิกฤติ 5 ด้าน เป็นของขวัญวันเด็กที่ดีกว่าคำขวัญให้ท่องทุกปี สร้างโอกาสและอนาคตให้เด็กไทยอย่างยั่งยืน

วันที่ 13 มกราคม 2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรให้ความสำคัญในวันเด็ก ว่า ผู้นำต้องมีความจริงใจ เพื่อเร่งปฏิวัติการศึกษา มอบเป็นของขวัญให้กับเด็กไทยทุกคน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ และมีคุณค่ามากกว่าการออกเพียงแค่คำขวัญวันเด็กเป็นประจำในทุกปี โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า พรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของคนไทยที่ต้องเริ่มจากการศึกษา ตามที่ นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ รองโฆษกพรรค ได้ชี้ให้เห็นว่า ของขวัญวันเด็กที่มีค่าที่สุด คือโอกาสและคุณภาพในการศึกษาของเด็กไทย โดย 5 วิกฤติหลักการศึกษาไทยที่ต้องเร่งแก้ไข คือ

1. เด็กไทยเรียนหนัก ถูกยัดเยียดให้เรียนแบบท่องจำ แต่ไม่สอนให้ใช้ความคิดวิเคราะห์ มีจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ศักยภาพเด็กไทยลดถอยลงเรื่อยๆ พิจารณาจากผลการประเมิน PISA ของไทยล่าสุด ที่วัดผลโดย OECD ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤติการศึกษาสำคัญที่รัฐบาลจำเป็นที่ต้องเร่งแก้โจทย์นี้ให้ได้ เศรษฐกิจไทยจะพัฒนาไม่ได้หากบุคลากรของประเทศไม่มีศักยภาพ ทุนมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพื่อทำให้เด็กไทยมีความรู้ทัดเทียมโลก และเติบโตเป็นคนที่มีคุณธรรม

2. ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพการศึกษาระหว่างเด็กในเมืองและชนบท ทั้งที่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถมาทำให้ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้โดยใช้เงินลงทุนน้อยมาก เราสามารถนำอาจารย์ที่เก่งในกรุงเทพฯ สอนผ่านระบบออนไลน์ไปยังห้องเรียนของเด็กในชนบท หรือแม้แต่บนยอดดอยที่ห่างไกล

3. ในช่วงที่ผ่านมา เด็กไทยต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวนมากจากปัญหาความยากจน โดยเฉพาะหลังจากวิกฤติโควิด-19 ตัวเลขจากกระทรวงศึกษาธิการ พบว่าปี 2565 หลุดออกจากระบบการศึกษาถึง 100,000 คน นอกจากนี้ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงโอกาสในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพราะไม่มีค่าใช้จ่าย

...

4. เด็กไทยกำลังอยู่ในภาวะเครียด ซึมเศร้า จำนวนมากขึ้น รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว พบว่าปัญหาสุขภาพจิตของวัยรุ่นกว่า 90% มาด้วยซึมเศร้า วิตกกังวล เครียด และไม่มีความสุข สะท้อนปัญหาเกิดจากสังคมกดทับ แบกรับความคาดหวังพ่อแม่ ต้องละทิ้งความฝันเป็นตัวของตัวเอง เก็บกด ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ แถมผู้ใหญ่ไม่รับฟังเสียงเด็ก นอกจากที่บ้านแล้วเด็กยังต้องการความปลอดภัยในโรงเรียน เช่น การไม่ถูกกล้อนผม ที่ผ่านมาภาครัฐมีปัญหาเรื่องของโครงสร้าง ระบบสวัสดิการรัฐที่ไม่โอบอุ้มให้เราทุกคนมีความฝัน

5. เด็กไทยเผชิญกับปัญหาถูกกระทำรุนแรงในเด็กเพิ่มมากขึ้น และส่วนใหญ่เด็กจะถูกทำร้ายจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด รวมถึงจากสถานศึกษาเอง

จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ระบุถึงข้อเสนอของพรรคไทยสร้างไทย ที่เสนอต่อรัฐบาลเพื่อเป็นของขวัญวันเด็ก คือ การปฏิวัติการศึกษาเร่งด่วน 5 ด้าน ที่สามารถทำได้ทันที แทบไม่ต้องใช้งบประมาณใหม่ เพียงแค่ผู้บริหารประเทศเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง และมีความจริงใจเท่านั้น ดังนี้

1) ปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างเร่งด่วน กำหนดเป้าหมายหลัก เน้นให้เด็กค้นหาตัวตนได้เร็ว ให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ และวิจัย รวมทั้งให้เด็กมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นอิสระ สร้างเด็กให้สามารถปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างเร็วได้ ปรับวิธีการศึกษาให้ความสำคัญกับเจตคติ (Attitude) เป็นอันดับแรก ตามด้วยทักษะ (Skill) และความรู้ (Knowledge) ส่งเสริมการเรียน Onsite และ Online ฝึกงานจากของจริง ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และกิจกรรมนอกเวลา เพื่อให้เด็กได้ค้นหาตัวตน และรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น ปรับหลักสูตร สอนวิชาแห่งอนาคต ทั้งวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมต่างๆ เช่น AI เป็นต้น

2) เปลี่ยนระยะเวลาการศึกษา “ลดเวลาเรียน เพิ่มคุณภาพการศึกษา” ด้วยการปรับหลักสูตรและการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน โดยสามารถลดเวลาเรียนลงได้อย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้เด็กสามารถเรียนจบปริญญาตรีที่อายุ 17-19 ปี ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ และที่สำคัญทำให้เด็กสามารถทำงานสร้างรายได้ได้เร็วขึ้น เป็นการทดแทนแรงงานผู้สูงวัยได้เร็วขึ้น

3) รัฐบาลต้องเร่งทำนโยบายเรียนฟรีจบปริญญาตรี โดยต้องฟรีจริง ลดภาระครอบครัว ให้โอกาสเด็กได้เข้าถึงการศึกษาได้อย่างทัดเทียมและทั่วถึง ซึ่งเป็นนโยบายพรรครัฐบาลหาเสียงไว้ แต่ไม่ปรากฏในการจัดงบประมาณปี 2567 รวมทั้งต้องปฏิรูประบบการงบประมาณของกระทรวงศึกษา ซึ่งปัจจุบันงบลงไปที่สถานศึกษาไม่ถึงมือนักเรียนหรือผู้ปกครอง และมีงบลงทุนด้านการศึกษาแค่ 4% ของงบกระทรวงศึกษาทั้งหมด ควรจะเริ่มปรับงบประมาณใหม่ตั้งแต่งบประมาณ 2567 ที่กำลังพิจารณาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร

4) กระจายอำนาจการศึกษาจากการรวมศูนย์แบบ Top Down มาให้อำนาจกับชุมชน ผู้ปกครอง และโรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสภาพของบริบทพื้นที่ รวมทั้งหมดการลดภาระของครูจากการทำงานวิชาการเพื่อวัดผล เพื่อเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง มาเป็นการวัดผลจากประสิทธิภาพของเด็กนักเรียน

5) ใช้เทคโนโลยีช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา โดยสร้างโอกาสให้ครูและอาจารย์ที่เก่งๆ ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ สอนผ่านเทคโนโลยีไปสู่โรงเรียนในชนบทและถิ่นทุรกันดาร ทำให้การสอนมีคุณภาพดีขึ้น และเป็นการทำให้คุณครูในชนบทมีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาวิชาการ

“ไทยสร้างไทย ขอเสนอของขวัญวันเด็ก ที่จะสร้างโอกาส สร้างอนาคตให้กับเด็กไทยได้อย่างยั่งยืน ที่รัฐบาลควรจะรับไปดำเนินการ แทนคำขวัญวันเด็ก ที่ออกมาให้เด็กท่องทุกปี สิ่งที่เด็กและผู้ปกครองอยากได้คือการลงมือปฏิวัติการศึกษาไทย อย่างจริงจัง สุขสันต์วันเด็กค่ะ”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...